ชวนเครือข่ายสร้างสื่อนวัตกรรม ช่วยเสริมสร้างโภชนาการเด็กไทย

 

กรมอนามัยเผยแนวโน้มปี 2558 เด็กวัยเรียน 1 ใน 10 เสี่ยงอ้วน เหตุพฤติกรรมด้านโภชนาการไม่ถูกต้องสมวัย จับมือภาคีเครือข่ายจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และประกวดสื่อนวัตกรรมโภชนาการ หวังพัฒนาระบบและกลไกเพื่อเด็กไทยมีโภชนาการสมวัย

น.พ.ธีรพล โตพันธานนท์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัญหาผอม อ้วน เตี้ย ไอคิวต่ำ ยังคงคุกคามสุขภาพเด็กไทย สาเหตุสำคัญเกิดจากพฤติกรรมทางอาหารและโภชนาการที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจากการสำรวจโภชนาการเด็กไทย พบว่าเด็กกินผักเพียงวันละ 1.5 ช้อนโต๊ะ ทั้งๆ ที่ควรกินไม่ต่ำกว่าวันละ 12 ช้อนโต๊ะ ส่งผลให้เด็กไทยมีปัญหาภาวะทุพโภชนาการทั้งขาดและเกิน โดยคาดว่าในปี 2558 ความชุกของโรคอ้วนในเด็กไทยสูงถึง 1 ใน 5 ของเด็กวัยก่อนเรียน และ 1 ใน 10 ของเด็กวัยเรียนจะเป็นโรคอ้วน และเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด และมีเด็กไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดสารไอโอดีน และเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หากไม่มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผล กระทบต่อสุขภาพเด็กไทยในระยะยาวได้

น.พ.ธีรพล กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากรมอนามัยและสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบและกลไก เพื่อเด็กไทยมีโภชนาการสมวัย โดยพัฒนาศักยภาพคนในท้องถิ่นและชุมชนใน 9 จังหวัดนำร่อง ให้มีความสามารถบริหารจัดการนำทรัพยากรของตนเองมาพัฒนาพฤติกรรมทางอาหารโภชนาการในเด็กไทยวัยก่อนเรียนและวัยเรียน พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหันมาใส่ใจพัฒนาคุณภาพอาหารกลางวันจากเดิม 13 บาทต่อคน เป็นวันละ 15, 18 และ 20 บาทต่อคน

นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ท้องถิ่นและชุมชนได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพในการกำหนดนโยบายและมาตรการทางสังคม เพื่อควบคุมคุณภาพอาหารกลางวันและอาหารว่างในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนให้ได้มาตรฐาน พร้อมสร้างกระบวนการให้ชุมชนและผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตสื่อโภชนาการ แล้วนำไปสอนบุตรหลานของตนเอง และที่สำคัญอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) และสื่อท้องถิ่น ได้เข้ามามีบทบาทต่อการสื่อสารด้านอาหารและโภชนาการในชุมชน ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาทำให้เกิดระบบกลไก และนวัตกรรมด้านโภชนาการ โดยส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และ อบต. ตระหนักถึงความสำคัญ และมีความสามารถบริหารจัดการพัฒนาเด็กด้านโภชนาการ ชุมชน ท้องถิ่น ได้ค้นหาปัญหาโภชนาการด้วยตนเอง แล้วเกิดระบบการคืนข้อมูลสู่ชุมชน

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code