ชวนร่วมสร้าง..สุขนวัตกรรมด้วยการ “ปั่นจักรยาน”

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากสำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


ชวนร่วมสร้าง..สุขนวัตกรรมด้วยการ


เพราะการ "ปั่นจักรยาน" ช่วยให้คนเรามีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี จากการใช้พลังงานของตัวเองออกไปสัมผัสธรรมชาติ การปั่นจักรยานยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองอย่างน้ำมันในการเดินทาง


นอกจากนี้ยังได้มิตรภาพที่ดีจากสังคมของนักปั่น ที่สำคัญยังได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ทั้งหมดคือสิ่งที่นักปั่นผู้สร้างแรงบันดาลใจอย่าง ทรงกลด บางยี่ขัน กล่าวไว้ ทำให้ช่วง 2-4 ปีที่ผ่านมา คนไทยตื่นตัวในเรื่องปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพมากขึ้น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงหยิบโอกาสอันดีมาปรับเป็นยุทธศาสตร์ตั้งแต่ปลายปี 2558 ประกอบด้วย 1.สร้างกระแสความตื่นตัวด้านการเดินและใช้จักรยาน และ 2.ผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมการเดินและการใช้จักรยาน เพื่อสร้างเสริมสุขภาพคนไทยให้ยั่งยืนในระยะยาว


นอกจากนี้ ยังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และภาคีเครือข่ายสุขภาพ จัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมการใช้จักรยานในระดับประเทศ เพื่อให้เกิดการผลักดันงานจักรยานอย่างมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ผ่าน 3 ส. คือ 1.สวน ปรับสวนสาธารณะให้เอื้อต่อการใช้จักรยาน  2.เส้น ให้แต่ละจังหวัดกำหนด 1 เส้นทางที่มีผู้ใช้เป็นประจำ และ 3.สนาม ทุกจังหวัดมีสนามกีฬา สนามบิน หรือสนามของหน่วยราชการ ให้จัดแบ่งเป็นเลนปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกาย ปัจจุบันมีจังหวัดนำร่องทั้งสิ้น 17 จังหวัด


จากยุทธศาสตร์กระตุ้นการปั่น ส่งต่อเมล็ดพันธุ์เติบโตเป็น "คณะอนุกรรมการฝ่ายปฏิบัติการเครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทย" หรือ "HAPPY BIKE NETWORKS THAILAND (HBNT)" โดยมี ทพ.อนุศักดิ์ คงมาลัย ดำรงตำแหน่ง ประธานชมรมเครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทย


ชวนร่วมสร้าง..สุขนวัตกรรมด้วยการ


วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งเครือข่าย HBNT ไม่ใช่แค่การขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ และเปิดประสบการณ์อีกต่อไป หาก ทพ.อนุศักดิ์ ตั้งความหวังไว้ว่าเครือข่ายเพื่อสุขภาพของคนไทยนี้ จะพัฒนาต่อยอดไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่นักศึกษาในสถาบันอาชีวศึกษา ผ่าน "ศูนย์รักล้อ" ที่กำลังศึกษาเพื่อจัดตั้ง ก่อนเปิดให้บริการซ่อมแซมแก่ผู้ใช้จักรยานรวมถึงวีลแชร์


เครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทยยังจะจำหน่ายอุปกรณ์จักรยานใหม่และมือสอง รวมทั้งเปิดให้สมาชิกเครือข่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายจักรยานที่เหลือใช้ นับเป็นการรองรับการใช้งานจักรยานที่เพิ่มขึ้น โดยหัวใจหลักของการพัฒนาเครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทย คือการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดสุขภาวะในด้านต่างๆ ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ


ล่าสุด ทางเครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทย ร่วมกับ สถาบันพัฒนาธุรกิจภูมิภาค มูลนิธิองค์กรเครือข่ายบริการธุรกิจการภูมิภาค ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเครือข่ายครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด "สุขกาย สุขใจ สุขปลอดภัย สุขสร้างสรรค์ รองรับสุขนวัตกรรม" ที่ จ.ลำปาง เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีคณะครูจากสถาบันอาชีวศึกษาจาก 36 แห่ง จำนวน 70 คน  และชมรมจักรยานอีก 9 ชมรม เข้าร่วมสัมมนา โดย สสส.ให้การสนับสนุน


"กระแสความนิยมในการใช้จักรยานเพิ่มขึ้น จนเกิดการรวมตัวเป็นเครือข่ายที่มีใจรักในการปั่นจักรยาน สำหรับเครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทย เริ่มตั้งที่ จ.สุพรรณบุรีเป็นแห่งแรก และจะขยายไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้มูลนิธิองค์กรเครือข่ายบริการธุรกิจภูมิภาค เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายจักรยานสร้างสุขประเทศไทย ให้ครอบคลุมพื้นที่ 76 จังหวัด ยกเว้น กทม. ซึ่งมีจุดมุ่งหมายให้วิทยาลัยเทคนิคทั่วประเทศเป็นตัวเชื่อม ดำเนินโครงการให้ประสบผลอย่างยั่งยืน" ทพ.อนุศักดิ์ ระบุ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางเครือข่าย HBNT จัดประชุมเชิงปฏิบัติการไปแล้ว 4 ครั้ง มีตัวแทนวิทยาลัยเทคนิคเข้าร่วม 30 จังหวัด จำนวน 125 คน และเตรียมจัดตั้งศูนย์รักล้อ ที่วิทยาลัยเทคนิคลำปาง 2 แห่ง


ขณะที่ กวิน ชุติมา กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำในการปั่นจักรยานในฤดูฝนว่า ในช่วงหน้าฝนเมื่อฝนตกมาใหม่ๆ น้ำจะผสมกับฝุ่นสะสมกลายเป็นแผ่นโคลนลื่น ทำให้ถนนลื่นและอันตราย สิ่งที่ต้องตรวจเช็คสำหรับตัวรถจักรยานคือ


1.ลมยาง โดยปกติแล้ว ยางรถจะมีบอกแรงดันลมไว้ที่แก้มยาง เช่น 35-65 PSI หรือ 60-90 PSI (Pound per Square Inch) ให้เราเลือกเติมลมยางไว้ในระดับที่ต่ำสุดในช่วงหน้าฝน อย่าง 60-90 ก็เลือกเติมไว้ที่ 60 ปอนด์ เพื่อความปลอดภัย


2.ล้อจักรยานควรเปลี่ยนให้เป็นแบบมีดอกยาง เนื่องจากขนาดหน้ากว้าง ยึดเกาะถนน ทำให้ไม่ลื่น


3.ตรวจเช็คระบบเบรค โดยการหมุนล้อแล้วกำเบรคดูว่ามีทำงานผิดปกติหรือไม่ ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง


4.ควรติดไฟจักรยานไว้ด้านท้ายและด้านหน้า เพื่อรถคันอื่นให้มองเห็นได้ชัด


5.ติดบังโคลนเพื่อกันน้ำโคลน หรือสิ่งสกปรกกระเด็นมาติดเสื้อ เนื่องจากซักล้างยาก ซึ่งรถจักรยานทั่วไป ที่เน้นปั่นท่องเที่ยวจะมีบังโคลนติดอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มี เมื่อปั่นหน้าฝนก็ควรติดไว้จะดีกว่า


"ในช่วงฤดูฝน นักปั่นควรปั่นในเส้นทางที่ตัวเองชำนาญ หากปั่นจักรยานในเส้นทางใหม่ หรือเส้นทางที่ไม่ชำนาญ อาจจะเจอหลุมที่ผิวถนนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และควรลดความเร็วลงในระดับที่ 20 กม./ชม. ทั้งนี้เมื่อต้องเบรกกะทันหัน นักปั่นควรใช้ระบบเบรกทั้ง 2 ล้อ เพื่อความปลอดภัยไม่กระแทก เพราะเมื่อเบรกล้อหน้าอย่างเดียวรถจักรยานอาจจะสะบัด ล้อจะตีลังกา หรือเบรกล้อหลังอย่างเดียวก็จะคุมการเบรกไม่อยู่" กวิน กล่าว

Shares:
QR Code :
QR Code