ชวนนักวิ่ง เช็คอิน Thai Health Day Run
กระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน สสส. ได้จัดโครงการวิ่งสู่ชีวิตใหม่ Thai Health Day Run ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งปีนี้มีคอนเซ็ปต์ว่า “วิ่งเปลี่ยนชีวิต” หรือ "Running can change your life" โดยมุ่งเน้นการรณรงค์เพื่อสร้างกระแสการตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ
สำหรับวันนี้เรามีแรงบันดาลใจ จากนักวิ่งที่จะทำให้คุณอยากออกมาวิ่ง และไม่อยากพลาดที่จะเข้าร่วมงานวิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตใหม่ให้เราเป็นคนใหม่มาฝากค่ะ
เริ่มต้นที่ ครูดิน สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งทีมชาติที่ปัจจุปันได้ผันตัวมาเป็น “ครูสอนวิ่ง” บอกเล่าเหตุผลที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นออกมาวิ่งว่า “การวิ่งเป็นกิจกรรมทางกายที่เราคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น เพียงแค่สวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม เสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวสะดวก ระบายความร้อนได้ดี และออกไปวิ่งในสนามหรือสถานที่วิ่งที่ปลอดภัย ด้วยลำดับขั้นตอนการวิ่งที่ถูกต้อง แค่นี้ ใครๆ ก็วิ่งได้ทั้งนั้น
“การวิ่งให้สุขภาพร่างกายที่ดี วิ่งให้สุขภาพจิตที่ดี วิ่งให้การบริหารชีวิตที่ดี วิ่งให้สังคมที่ดี วิ่งให้สิ่งที่ดีกับตัวเองและคนรอบข้าง” ครูดินย้ำ
ขยับมาที่นักวิ่งสาวสวยที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายและการใช้ชีวิต อุ๊บอิ๊บ ภคณีย์ บุรุษภักดี ที่บอกเล่าถึงเหตุผลในการออกมาวิ่งของเธอไว้ว่า เริ่มอยากออกกำลังกาย จึงเลือกออกกำลังกายที่คิดว่าน่าจะง่ายที่สุด ในความคิดตอนนั้น อุ๊บอิ๊บนึกถึง “วิ่ง” เป็นอย่างแรกเลยค่ะ แต่ถ้าเริ่มออกมางานวิ่ง ก็เป็นเพราะพี่ที่รู้จักชวนมาลอง เพราะเห็นว่าอุ๊บอิ๊บวิ่งบ่อย วิ่งในยิมบ้าง ในสวนบ้าง เลยให้มาลองบรรยากาศงานดู เผื่อจะติดใจ แล้วก็ติดใจจริงๆค่ะ
“ถ้าเราไม่เคยวิ่ง หลายคนคงคิดแค่ว่าการวิ่งก็คงให้สุขภาพที่ดี ผอมลง สดใสอะไรทำนองนั้น แต่จริงๆ แล้ว การวิ่งให้อะไรมากกว่านั้น ทางกายมันแน่นอน แต่ทางใจนี่ได้มากกว่า"
อุ๊บอิ๊บ บอกว่า ความรู้สึกหลายอย่างที่เราได้รับหลังวิ่งเสร็จ ซึ่งทั้งหมดเป็นความรู้สึกด้านบวก จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่รู้ตัว สิ่งนั้นเรียกว่า “ทัศนคติ” มันคือ ทัศนคติที่ดี ที่จะนำเราไปสู่ชีวิตใหม่ที่สวยงามค่ะ
นอกจากนี้อุ๊บอิ๊บยังได้บอกเล่าถึงความพิเศษของงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ด้วยว่า เป็นงานที่นักวิ่งหน้าใหม่ต้องมา เพราะมีคนที่รู้จักหลายคนเริ่มวิ่งกันครั้งแรกในงานนี้ และหลังจากนั้นพวกเขาก็วิ่งกันมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แค่ชื่องานก็บอกแล้วว่า “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” ชีวิตใหม่ที่ว่านี้เป็นยังไง ไม่มีใครหาคำตอบให้เราได้ นอกจากตัวเราจะก้าวออกมาตามหามันเอง
“ชีวิตที่จะเปลี่ยนทั้งภายนอก และภายในไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แล้วมาพบกับชีวิตใหม่ด้วยกันนะคะ”
มาฟังเสียงจากนักวิ่งฝ่ายชายกันบ้าง รัชชี่ ไพรัช วราสินธิ์ นักวิ่งไทยคนแรกที่ได้สิทธ์ไปวิ่งไกลระดับโลก เล่าว่า ก่อนหน้าที่ผมจะได้มีโอกาสมาวิ่ง ตอนนั้นกิจกรรมชีวิตประจำวันก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่คือ ตื่นนอน กินข้าว ทำงาน นานๆ ทีได้เที่ยว วนอยู่แบบนี้มาตลอด จนมามีโอกาสได้รู้จักการวิ่งเมื่อประมาณกรกฎาคมปีที่แล้ว มีพี่ต้น กับ อาจารย์ปืน ชักชวนให้ผมมาวิ่ง หลังจากนั้นผมก็วนเวียนอยู่กับการวิ่งมาตลอด
“ทุกวันนี้ผมชอบการวิ่ง เพราะเวลาที่ผมวิ่งจนเหนื่อย โดยเฉพาะการได้มีโอกาสใช้เวลาในการวิ่งที่ค่อนข้างไกล และชัน มันจะมีความรู้สึกนึงโผล่มาในหัวตลอดน่ะครับ คือ ผมยังรู้สึกว่าผมมีชีวิตอยู่นะ ผมยังยืน ยังก้าวต่อไปได้อยู่ มันทำให้รู้สึกดีที่ได้ใช้ความพยายามในการเดินหน้าไปเรื่อยๆ” รัชชี่ บอก
รัชชี่บอกว่า อีกเรื่องที่ตามมาก็เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในสังคมของคนรักสุขภาพ ไม่อยากเชื่อว่าเราจะมีเพื่อนที่มาจากกิจกรรมการวิ่ง หรือการออกกำลังกายได้มากมายขนาดนี้ ค่อนข้างเหลือเชื่อมากๆ
“ที่สำคัญมากๆ คือไม่อยากเชื่อว่าการวิ่ง การออกกำลังกาย มันจะทำให้คนในครอบครัว รวมถึงคนที่เกี่ยวพันในชีวิต หันมาใส่ใจสุขภาพ ทำให้มีเรื่องที่พูดคุยกันได้มากขึ้น รับฟังและเข้าใจกันมากขึ้น การวิ่งหรือการออกกำลังกายทุกอย่างมันมีสเน่ห์จริงๆครับ” หนุ่มนักวิ่งเล่า
ต่อกันที่นางฟ้านักวิ่ง มินเม แอร์โฮสเตสสาวสวย ที่บอกเล่าว่าการวิ่งเปลี่ยนชีวิตใหม่หลายอย่าง อย่างแรกเลย คือเรื่องสุขภาพ เพราะเมื่อก่อนด้วยการทำงานที่ต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมบ่อยๆ ทำให้ป่วยง่าย การวิ่งจึงช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น สาวๆ หลายคนก็ชอบเพราะไม่ใช่แค่รูปร่างที่ดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อด้วย
“การวิ่งช่วยในเรื่องของสมาธิได้ด้วย อย่างเวลาที่เราวิ่งเรามีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ถึงบางครั้งฟังเพลงไปด้วย แต่จิตใจก็สงบ เพราะได้หยุดพักจากเรื่องราวต่างๆ บางครั้งเพียงแค่การมองไปข้างหน้าก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว” นางฟ้านักวิ่ง บอก
มินเมยังฝากสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ด้วยว่า การออกมาวิ่งตามงานวิ่งจะทำให้เราได้เห็นแรงบันดาลใจ จากนั้นลองกำหนดเป้าหมายง่ายๆ อาศัยการซ้อม และเรียนรู้จากคนอื่นเพื่อเป็นพลังในการผลักดันตัวเอง
8 พ.ย. นี้ มาวิ่งสู่…ชีวิตใหม่ ไปด้วยกัน
สำหรับคนที่ยังไม่เคยออกมาวิ่ง บุญถึง ศรีสังข์ นักวิ่งปอดเหล็กทีมชาติไทย ฝากบอกว่างานนี้เป็นโอกาสดีที่นักวิ่งหน้าใหม่จะมาร่วมวิ่งเพื่อท้าทายตัวเอง เพราะจะเห็นว่ามีคนทุกเพศทุกวัยที่หันมาออกกำลังกาย ตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ วัยเยาวชน ไปจนถึงวัย 60 ปีขึ้นไป
บุญถึง บอกว่า เสน่ห์ของการวิ่งคือ เป็นกีฬาที่เราสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ต้องมีทีมหรืออุปกรณ์อะไรมากมาย แถมยังเป็นกีฬาพื้นฐานของกีฬาอื่นๆ ซึ่งถ้าเราวิ่งได้ดีก็จะสามาถเล่นกีฬาอื่นได้ดีเลย สำหรับผมชอบการออกกำลังกายเพราะเป็นสังคมของคนรักสุขภาพที่มีทุกเพศทุกวัย เราสามารถมาพบปะพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เพราะมีอยู่ทุกอาชีพ ซึ่งเป็นสังคมที่อบอุ่นและให้กำลังใจกัน
ตัวแทนนักวิ่งจิตอาสาจาก Volunteer AED Club เดียร์ วงศกร เสนาะดนตรี เล่าว่า งานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ถือเป็นก้าวแรกของคนที่อยากจะเข้าสู่วงการวิ่ง เป็นก้าวเข้าสู่การมีสุขภาพที่ดี ซึ่งมันก็ไม่ได้มีเรื่องของสุขภาพเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่แค่ผอมลง แข็งแรงขึ้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของสุขภาพใจ
“เราได้เจอคนรักสุขภาพ สังคมที่ดี ได้มีความรู้สึกที่มีความสุข สดชื่น สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น จากที่เมื่อก่อน เรานอนดึก ตื่นสาย เราต้องเปลี่ยนมาตื่นเช้า เพื่อออกมาฝึกซ้อม มันก็เหมือนเปลี่ยนชีวิตเราไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็กลายเป็นชีวิตใหม่” เดียร์ บอกด้วยความภูมิใจ
เดียร์บอกว่า ในส่วนของ Volunteer AED Club จะทำหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของนักวิ่งรวมถึงเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วย ซึ่งการที่งานวิ่งมีทีมความปลอดภัยตรงนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของสังคมนักวิ่ง เราอยากให้นักวิ่งได้มั่นใจว่า เมื่อมางานนี้แล้ว อย่างน้อยที่สุด ถึงจะยังไม่ได้สุขภาพที่แข็งแรงในทันที แต่เขาต้องปลอดภัยกลับบ้าน
งานนี้ อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนกิจกรรมทางกาย สสส. ยืนยันว่า นักวิ่งหน้าใหม่จะหายเหนื่อยระหว่างที่วิ่ง เพราะมีทั้งกองเชียร์ และนักวิ่งเกือบหมื่นคนคอยให้กำลังใจตลอดทาง รวมไปถึงการดูแลนักวิ่งอย่างดี ที่ได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัคร
“เมื่อนักวิ่ง ตั้งใจออกมาวิ่ง ชีวิตของเขาเหล่านั้นก็ถูกเปลี่ยนไปแล้ว และยิ่งเจอสังคมเพื่อนนักวิ่งยิ่งทำให้การตัดสินใจวิ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็มั่นใจได้ว่าคุณภาพชีวิตเขาจะดีขึ้น และส่งผลดี ทั้งการใช้ชีวิต ครอบครัวและหน้าที่การงาน” อ.ณรงค์ ทิ้งท้าย
เรื่องโดย ภาวิณี เทพคำราม Team Content www.thaihealth.or.th