ชนพัฒน์ ต่อรัตน์ ผู้ผันตัวเองมาเป็นคนต้นแบบเลิกเหล้า
การเลิกเหล้าอยู่ที่หัวใจ กล้าตัดสินใจ ลงมือ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ชายคนนี้ติดเหล้ามานานกว่า 30 ปี เคยถือคติ ถ้าให้เลิกเหล้า เลิกกับเมียยังง่ายกว่า จนเมียคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่วันหนึ่งที่เขาเอาชนะใจตัวเองเลิกเหล้าได้สำเร็จ และหันกลับมาสร้างครอบครัวที่เข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อหลุดพ้นอบายมุข จึงเป็นเรื่องราวที่น่าจะก่อให้เกิดความคิดและเป็นต้นแบบให้นักดื่มทั้งหลายได้ด้วย
ชินพัฒน์ ต่อรัตน์ ประธานสหกรณ์สามล้อเอื้ออาทรเพื่อคนจน จำกัด เผยว่า เริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ 12 ปี ครั้งแรกที่ดื่มนั้นเกิดจากตอนที่มีแขกมาเยี่ยมบ้าน แล้วนำขวดเหล้ามาตั้งทิ้งไว้ ด้วยความไม่รู้คิดว่าเป็นน้ำดื่ม ก็ดื่มแล้วก็หลับไปเลย มารู้ทีหลังว่าเป็นเหล้า จากนั้นคิดว่าดื่มเหล้าแล้วจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น ระยะหลังดื่มมาตลอดจนกลายเป็นติดเหล้าโดยไม่รู้ตัว
เป็นเวลาเกือบ 30 ปี ที่ชายคนนี้อยู่ในวังวนของน้ำเมา ดื่มเหล้าข้ามวันข้ามคืน เกิดเหตุทะเลาะวิวาทไม่ว่างเว้น บ่อยครั้งที่มึนเมาเวลาขับสามล้อรับส่งผู้โดยสาร แต่ถ้าหมดสภาพจริงๆ เขาก็เอาศรีษะพาดแฮนด์รถสามล้อรอให้สร่าง ก่อนจะขี่รถกลับบ้านอย่างทุลักทุเล รอดชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมาได้แบบหวุดหวิด ชีวิตตกอับเพราะมีเงินเท่าไหร่ก็หมดไปกับค่าเหล้า หยิบยืมคนรอบข้างจนเป็นที่เอือมระอา
“หลายครั้งที่เมาแล้วลืมภรรยาซึ่งคอยอยู่ที่บ้าน ยิ่งช่วงตอนที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอด ผมก็ยังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนในวงเหล้า เขาอยากให้เลิกดื่มแล้วหันมาทำงานเก็บเงิน แต่ผมบอกว่า ถ้าจะให้เลิกดื่มเหล้า ให้หย่าขาดจากกันเลยยังง่ายกว่า จนภรรยาน้อยใจที่ผมไม่ยอมมาดูแล มัวแต่กินเหล้าไปวันๆ ก็เลยมีปากเสียง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอคิดจะกระโดดน้ำเพื่อฆ่าตัวตายประชดชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจทนอยู่กับผมต่อไป เพราะสงสารลูกที่จะคลอด” ชินพัฒน์ กล่าว
สุขภาพทรุดโทรม โรคเก่ากำเริบ ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวถึง 3 ครั้ง จนแทบเอาชีวิตไม่รอด จากคำเตือนของคุณหมอให้เขาเลิกใช้ชีวิตแบบเดิมเพื่อยืดอายุตัวเอง ชินพัฒน์เริ่มฉุกคิดและตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อครอบครัว เพื่อลูก เมื่อเลิกเหล้า ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ครอบครัวมีเงินเก็บ มีเงินทุนการศึกษาให้กับลูกๆ เหมือนตัวเองได้กลายเป็นคนใหม่ที่มีคุณภาพ
ด้วยวัย 52 ปี วันนี้เขามีอาชีพขับสามล้อ และได้รับเลือกเป็นประธานสหกรณ์สามล้อเอื้ออาทรเพื่อคนจน จำกัด นั่งเป็นประธานติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขามีนโยบายรณรงค์ให้สมาชิกในองค์กร ลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 700 คน ทุกคนก็ยอมรับและเต็มใจปฏิบัติตาม นอกจากบทบาทของผู้นำในองค์กรแล้วอีกบทบาทที่สำคัญ คือ การเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เข้มแข็ง มีเงินทุนสำหรับดูแลคนในครอบครัว แถมส่งลูกทั้ง 3 คน ให้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
“ผมมีลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน คนโตแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ลูกสาวคนกลางจบบัญชีราชภัฏสวนดุสิต เกียรตินิยมอันดับ 2 ตอนนี้ไปเรียนต่อทางด้านภาษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็ประมาณ 2 ปีแล้ว เรียนไปด้วยทำงานเก็บเงินไปด้วย ส่วนคนเล็กจบรามคำแหงกำลังจะไปศึกษาต่อที่รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เราเห็นเขาตั้งใจเรียนแบบนี้ก็มีแรงที่อยากจะทำงานเก็บเงินไว้เยอะๆ พ่อคนนี้จะช่วยส่งเสริมและเป็นแรงใจอีกแรงหนึ่งเพื่อให้พวกเขามีอนาคตที่สดใส ตอนนี้ครอบครัวเรามีความสุข” อดีตนักดื่ม ซึ่งวันนี้กลายเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่งในการขับเคลื่อน และรณรงค์ ลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
และเขาฝากข้อความถึงนักดื่มทุกคนว่า “การเลิกเหล้าอยู่ที่หัวใจ ขอให้กล้าตัดสินใจและลงมือทำอย่าลังเลอยู่เลย แล้วจะพบกับชีวิตที่ดีกว่า การงานก็ดี มีเงินเหลือเก็บ ครอบครัวก็อบอุ่น”
ที่มา : เล่าเรื่องโดยหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ จากสหกรณ์สามล้อเอื้ออาทรเพื่อคนจน
update 15-08-51