ชงกฎหมายกองทุนสื่อปลอดภัย สร้างภูมิคุ้มกันเด็กไทยเท่าทันสื่อ
เตือนสติ เลียนแบบแรงเงา แพร่คลิป เสี่ยงผิดกฎหมาย พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ หมิ่นประมาท เจาะแฮคเผยแพร่ ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล เอ็นจีโอ ชงกฎหมายกองทุนสื่อปลอดภัย เข้าสภา หวังสร้างภูมิคุ้มกันเด็กไทยเท่าทันสื่อ หนุนเพิ่มกลไกเยียวยาฟื้นฟูเหยื่อ
วันนี้ (4 ธันวาคม 55) มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกับเครือข่ายสื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัวจัดเสวนา “สงครามคลิปในแรงเงา…เทรนด์อันตรายกับชีวิตจริงที่ต้องเท่าทัน” โดยนางสาวศรีดา ตันทอธิพานิช ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวถึงพิษภัยพฤติกรรมเลียนแบบคลิปแรงเงาว่า ขณะนี้เรามีเครื่องมือการสื่อสารที่พัฒนาก้าวหน้า ทั้งมือถือ และอินเตอร์เน็ต ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีช่องทางปล่อยเวียนการเผยแพร่เป็นสองเท่า เช่น การฟอร์เวอร์ด จึงทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นการสนับสนุนการเลียนแบบ การผลิต เผยแพร่ และการกระตุ้น อย่างไรก็ตาม แม้ทุกฝ่ายจะมีความพยายามควบคุมไม่อยากให้สิ่งไม่ดีส่งต่อได้ แต่ที่ผ่านมากลับพบว่ามันยากมากที่จะควบคุมผ่านสื่อกระแสหลักต่างๆ ที่บริโภคกันทั้งทีวี วิทยุ ดารา จนกลายเป็นเรื่องตามกระแสสังคม โดยโซเชียลมีเดียส์ ฉายซ้ำ
“ในฉากของละครแรงเงา มักนำเสนอเรื่องการฟอร์เวอร์ดคลิป เจาะระบบ และปล่อยคลิปประจาน แกล้งกัน ซึ่งทำโดยนางเอกที่เป็นตัวเอกของเรื่อง แสดงให้เห็นถึงชัยชนะ ความสำเร็จและความสะใจถูกชูเป็นฮีโร่ มีความชอบธรรม ที่ได้แก้แค้น ส่วนเด็กเยาวชนที่เสพสื่อเสพละครเหล่านี้ก็จะดูแค่ปลายๆ ยังไม่มีวุฒิภาวะ ไม่ได้ผ่านการวิเคราะห์ จึงถือเป็นการชี้นำเด็ก ทำให้เห็นว่าการใช้ไอที ถ่ายคลิป เผยแพร่ และเข้าเจาะระบบของบุคคลอื่นเป็นเรื่องชอบธรรมที่สามารถทำกันได้ทั่วๆไป ไม่ได้ผิดกฎหมาย” ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยกล่าว
นางสาวศรีดากล่าวต่อว่า ในความเป็นจริงเรื่องนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ และจะเป็นการทำผิดกฎหมายโดยรู้เท่าไม่ถึงการ การเจาะระบบข้อมูลของผู้อื่น ถือเป็นการบุกรุก ทำผิดกฎหมายโดยตรงของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยเฉพาะมาตรา 3-6 ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กรณีเจาะแฮคข้อมูล เพื่อนำคลิปไปเผยแพร่ประจาน เข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างชัดเจน มีบทลงโทษทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมีกฎหมายโดยตรงอยู่แล้วในการคุ้มครองบุคคลที่เสียหาย ยังสามารถฟ้องร้องหมิ่นประมาทได้ เพราะเรื่องการเผยแพร่คลิปไม่ใช่เรื่องที่รับรู้กันแค่คนสองคนแต่หมายถึงคนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลก
นางสาวเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามผลักดันบทบาทกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ฉบับประชาชน เข้าสู่สภาให้เป็นกฎหมายอย่างเร็วที่สุด เพื่อการทำให้สื่อมีความปลอดภัยกับเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งในต่างประเทศเขาจะมีกองทุนนี้โดยตรง เป็นการสร้างพื้นที่สื่อดีๆให้กับเด็กและครอบครัวได้เข้าถึงการมีส่วนร่วม พัฒนาสอดคล้องกับชุมชน ซึ่งขณะเดียวกันเราสนับสนุน เสริมสร้างกิจกรรมต่างๆเปิดพื้นที่สื่อดี โดยเฉพาะขณะนี้จากข้อมูลโดยตรง ที่ผู้ปกครอง ครู ต่างกังวลเรื่องการรับสื่อของเด็กเยาวชน ที่พัฒนาไปเร็วมาก เราจึงต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้รู้เท่าทันสื่อ รวมไปถึงเรื่องคลิปด้วย เพราะนี้เป็นวิธีเดียวเท่านั้นถึงจะป้องกันเด็กจากพิษภัยสื่อได้
ด้านนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลกล่าวว่า กรณีที่มีผู้ที่ถูกกระทำจากการใช้สื่อ ใช้คลิป ต้องตกเป็นเหยื่อ เช่นถูกแอบถ่ายแล้วส่งต่อ หรือถูกแบล็คเมล์ข่มขู่ จึงอยากเสนอให้ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสื่อฯ ฉบับประชาชน กำหนดเพิ่มเนื้อหาให้มีกลไกสนับสนุนการช่วยเหลือ เยียวยาฟื้นฟู หรือให้คำปรึกษากับผู้ที่ถูกกระทำจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นความรุนแรงอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่แค่เรื่องในครอบครัว แต่ผู้เสียหายถูกกระทำซ้ำจากการส่งต่อของคนนอก เราจะเห็นได้จากกรณีคลิปถูกเผยแพร่ออกไป ตกเป็นข่าว สุดท้ายผู้ที่ถูกกระทำก็ตัดสินใจจบทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนที่จะมีละครแรงเงาเสียอีก คำถามคือใครหรือหน่วยงานไหนได้ยื่นมือเข้ามาช่วยและรับผิดชอบกับปัญหานี้ ดังนั้นข้อเสนอสำคัญต่อ พ.ร.บ.กองทุนดังกล่าว จึงต้องเพิ่มสาระสำคัญส่วนนี้เข้าไป ให้กองทุนมีบทบาทนี้ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ โดยสามารถเสนอได้ผ่านในชั้นกรรมาธิการ
ที่มา : มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา