จูงลูกสวดมนต์ข้ามปีเติมสัมพันธ์ดีๆ ในครอบครัว

สวดมนต์ให้ผลงามสำหรับคนที่มีลูกมีหลานคงรู้กันดีว่า กว่าที่เราจะสามารถสร้างให้พวกเขาเหล่านั้นเติบโตขึ้นมาได้ พ่อแม่ต้องเหนื่อยยากอย่างแสนสา หัสในการประกอบอาชีพ เพื่อนำทรัพย์มาเลี้ยงดูทั้งเรื่องปากท้องและการศึกษา


จูงลูกสวดมนต์ข้ามปีเติมสัมพันธ์ดีๆ ในครอบครัว


 

การหาทรัพย์สินเงินทองมาเลี้ยงดูยังเป็นเพียงปัจจัยเบื้องต้นเท่านั้น แต่เป้าหมายสูงสุดของคนที่เป็นพ่อแม่คือ การต้องการให้ลูกเป็นคนที่ประพฤติดี ประฤติชอบ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และเป็นผู้มีภูมิคุ้มกันไม่หวั่นไหวต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธี และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเป็นสุข

 

ต้องบอกว่าประเทศไทย หรือสังคมไทย เป็นสังคมที่โชคดี เพราะมีพระพุทธศาสนา มีหลักธรรมสำหรับเป็นที่พึ่ง หากพ่อแม่คนไหนสนใจอยากเลี้ยงลูกให้ได้ดีนั้นเป็นเรื่องไม่ยากเลย ซึ่งในที่นี้จะขอเรียกว่า เลี้ยงลูกดีๆ ตามวิถีพุทธ

 

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แห่งวัดชลประทานรังสฤษดิ์ เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่ดื้ออย่างเดียว ดีหมดทุกอย่าง”

 

แต่ถ้าใครที่ติดตามหรือรู้จักวัดอัมพวัน ที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดหลวงพ่อจรัญ จังหวัดสิงห์บุรี จะรู้ว่าหลวงพ่อได้พูดถึงแนวทางและอานิสงส์ในการเลี้ยงลูกให้ได้ดี และทำให้ครอบครัวมีความสุขไว้มากมาย

 

หลวงพ่อจรัญให้คำแนะนำไว้หลายเรื่องมากในการเลี้ยงลูกด้วยการใช้ธรรมะ เช่น

 

-อย่าให้ลูกอยู่ว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่ นกอยู่ในกรงให้รีบสอน ออกไปแล้วจะตามไปสอนอย่างไร

 

-พาลูกเข้าวัดตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว จะมองเห็นพระเป็นตุ๊กตา ต้องพามาตั้งแต่เด็กๆ จะได้เรียบร้อย

 

หลวงพ่อยังให้ข้อคิดว่า พ่อแม่ควรต้องรู้ว่าลูกต้องการอะไร?

 

อันดับแรกลูกต้องการความรัก โปรดให้ความรักความอบอุ่นกับลูก อย่าทิ้งลูก พ่อแม่รักลูกเท่ากัน แต่ห่วงใยลูกไม่เท่ากัน

 

ต่อมาลูกต้องการความรู้ ทำไมลูกต้องซน ค้นโน่นค้นนี่ จับโน่นแตก ให้เข้าใจลูกว่า ลูกต้องการความรู้ อยากจะรู้ โปรดเมตตากับลูก สอนลูกดีๆ พูดไพเราะ อย่าตีลูก ถ้าถ้วยแตกซื้อใหม่ได้ แต่ถ้าลูกแตกจะซื้อได้ที่ไหน

 

ลูกต้องการอิสรเสรี ไม่ชอบบังคับ เด็กมันต้องดุกดิก เด็กนั่งเฉยๆ ไม่ได้ อย่าบังคับลูกเกินไป

 

รักลูกให้เหมือนปลูกต้นโพธิ์ เมื่อใหญ่เมื่อโตจะได้อาศัย ถึงคราวเจ็บจะได้ฝากไข้ ถึงคราวตายจะได้ฝากผี เวลาดีเอาไว้ใช้สอยบ้างปะไรมี รักลูกเหมือนปลูกต้นตาล โตไปจะไม่มีหลักฐาน

 

เลี้ยงลูกให้โต ปลูกต้นโพธิ์ให้ได้ร่ม ให้โตด้วยวิชาการ ให้มีหลักฐาน มีงานทำ มีคู่ครองขอให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน อย่

 

ถ้าเป็นเด็กขี้เกียจ ขี้โกหก ขี้ขโมย ต้องตี ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ขี้เหล้า เล่นการพนัน ต้องห่างไกล

 

ข้อควรคิดที่หลวงพ่อจรัญแนะทางไว้ให้ในการสอนลูกคือ อย่าสอนลูกขณะกำลังอ่านหนังสือทำการบ้าน

 

อย่าสอนลูกขณะที่ลูกกำลังจะนอนจงสอนลูกหลังจากลูกสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว

 

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องถือว่าหลวงพ่อจรัญและบรรดาครูบาอาจารย์ทางธรรมทั้งหลายต่างเน้นย้ำหนักหนานั่นคือ การให้ความสำคัญในเรื่องของ การสวดมนต์ การสวดมนต์เป็นสิ่งที่ท่านย้ำว่าจะทำให้เกิดสิริมงคลกับครอบครัว และครูบาอาจารย์ทางธรรมทั้งหลายก็จะมีบทสวดมนต์ให้ลูกศิษย์ลูกหา ญาติโยม ได้นำไปใช้ปฏิบัติกัน

 

กรณีของหลวงพ่อจรัญ ท่านได้ยกตัวอย่าง ของบุคคลที่ต้องใช้คำว่า “สวดมนต์แล้ว ครอบ ครัวได้ดี มีความสุข” มาให้ฟังหลายเรื่อง ส่วนญาติโยมที่เชื่อฟังและทำการสวดมนต์ตาม ก็มักเขียนเรื่องราวจากที่เคยคับข้องใจและได้พบชีวิตใหม่ที่เป็นสุขมาเล่าให้ท่านฟังเสมอๆ

 

อานิสงส์ของการสวดมนต์

         

โดยทั่วไปการสวดมนต์นั้นเป็นสิ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ให้คุณประโยชน์ทางด้านจิตใจ ให้เกิดความสงบ เกิดสติ ปลดปล่อยความเครียด และยังมีผลที่ดีต่อสุขภาพด้วย เช่น

         

๑.มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น

         

๒.เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ก็ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้

         

๓.เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน

         

๔.เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนและบริวาร

 

๕.สามารถไล่ความขี้เกียจ เพราะขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่น กระฉับกระเฉงขึ้น

         

๖.เปรียบเสมือนการได้เฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะขณะนั้นผู้สวดมีกาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง

         

จูงลูกสวดมนต์ข้ามปี กระชับสัมพันธ์ดีๆ ให้ครอบครัว

         

ต้องบอกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เห็นผลชัดๆโดยไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถทำแล้วเห็นผลได้ในทันที

         

ประการแรก การชวนลูกๆ ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีนั้น ทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาในช่วงวันหยุดข้ามปีด้วยกัน แทนที่จะเป็นกิจกรรมต่างคนต่างไป เช่น พ่อจะไปกินเหล้า สังสรรค์ หรือลูกๆ แยกย้ายกันไปเที่ยว แต่สำหรับปีนี้ทุกคนในครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน

         

ประการต่อมา ทั้งลูกและพ่อแม่ได้เห็นสายใยสัมพันธ์ของครอบครัวอื่นๆ ที่มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน บางครอบครัวอาจไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน แต่เมื่อได้มาเห็น ได้ซึมซับสิ่งดีๆ ย่อมส่งผลทำให้เกิดความปีติในกรรมดีที่หลายหมื่นหลายพันครอบครัวได้ทำขึ้น

         

การได้พาลูกและพาตัวเองมาอยู่ในบรร ยากาศแห่งความดี มีกัลยาณมิตรที่มีความตั้งใจจะทำสิ่งดีงาม ก็เปรียบเสมือนน้ำซึมบ่อทราย ความดีย่อมค่อยๆ หลั่งไหลลงไปในบ่อทีละนิด หากทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเต็มเองในไม่ช้า

         

สรุปว่าหากปีใหม่นี้ ครอบครัวไหนที่ยังไม่มีแผนว่าจะทำกิจกรรมใด การชักชวนลูกร่วมสวดมนต์ข้ามปี ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระครบ ๘๔ พรรษา นั้นย่อมเป็นการประกอบกรรมดีอย่างยิ่ง และปีนี้เองก็ยังเป็นปีแห่งการครบรอบพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี หากคนที่เคยอยู่มานานตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็จะรู้จักกันในนามว่า “งานฉลองกึ่งพุทธกาล” ซึ่งตอนนั้นเป็นการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๕๐๐ ปี

         

สำหรับตัวเอง การสวดมนต์ก็เป็นการเพิ่มความสงบ เพิ่มปัญญา และมากด้วยอานิสงส์ที่จะติดตัวไป เพราะการสวดมนต์นั้นต้องทำด้วยตัวเอง คนอื่นไม่สามารถทำแทนได้

         

สุดท้าย ปีนี้แม้ว่าจะเป็นปีแรกที่คนในครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ต้องยังไม่ถือว่า

         

สายเกินไปหากจะเริ่มต้นนับหนึ่ง ซึ่งแน่นอนเมื่อเริ่มจากหนึ่งย่อมมีสอง

         

สาม สี่ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

         

ขอเพียงได้เริ่มต้นก็ยังดีกว่าที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย

         

สวดมนต์ข้ามปีทำได้ที่ไหน

         

ต้องบอกว่าแค่คิดจะเริ่มต้นชวนลูกไปทำความดีกันแล้วก็มีหน่วยงานต่างๆ พร้อมใจกันส่งเสริมให้การทำความดียิ่งง่ายเข้าไปอีก และสำหรับปีนี้เป็นปีที่ ๒ แล้ว โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และคาดว่าปีนี้ก็คงจะจัดอีกเช่นกัน ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิ การร่วมสวดมนต์ ชมการแสดงดนตรีธรรมะ นิทรรศการพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี ชิมอาหารเพื่อสุขภาพ และอื่นๆ

         

สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัด ประชาชนสามารถไปร่วมการสวดมนต์ข้ามปีได้ที่วัดใกล้บ้านท่าน ซึ่งจะมีวัดที่ร่วมกิจกรรมทั่วประเทศด้วยเช่นกัน

         

ส่วนคนที่อยากรู้ว่าจะพาลูกหลานและครอบครัวไปทำกิจกรรมดีๆ กันได้อย่างไร ติด ตามได้ที่นี่ทุกวันเสาร์ ตลอดเดือนธันวาคม เพื่อจะได้เตรียมตัวกันแบบเข้มเต็มพิกัด

       

ใครทำตามนี้ได้ รับรองปีหน้าลูกไม่ต้องมีปัญหาให้ปวดหัวแน่นอน นี่คืออานิสงส์เบื้องต้น เพราะเราเริ่มต้นและส่งท้ายปีด้วยกิจกรรมดีๆ ให้ครอบครัวแล้ว.

         

“การได้พาลูกและพาตัวเองมาอยู่ในบรรยากาศแห่งความดี มีกัลยาณมิตรที่มีความตั้งใจจะทำสิ่งดีงาม ก็เปรียบเสมือนน้ำซึมบ่อทราย ความดีย่อมค่อยๆ หลั่งไหลลงไปในบ่อทีละนิด หากทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเต็มเองในไม่ช้า”  

         

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code