‘จีบ-แอล’ ท่าบริหารสมองชะลอความเสื่อม

/data/content/26241/cms/e_dfgiknoprx36.jpg


          การฝึกฝนเป็นประจำไม่ว่าจะเรื่องใดๆ จะทำให้สามารถทำสิ่งนั้นดีมีคุณภาพอย่างแม่นยำยิ่งทำยิ่งมีความชำนาญ ตรงกันข้ามกับผู้ที่ไม่เคยฝึกฝนเลยแม้จะเก่งทฤษฎี ก็จะหาความแม่นยำชำนาญได้ไม่


          สมองก็เช่นกัน หากฝึกให้สมองได้ทำงานซับซ้อนเป็นประจำจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสามารถลดความเสี่ยงโรค "สมองเสื่อม" ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยกว่า400,000 คนได้อีกต่างหาก บอกกันได้เลยว่าทุกคนสามารถสร้างเกราะป้องกันสมองเสื่อมได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยสองมือเรานี่แหละ กับท่าบริหารสมองที่เรียกว่า "จีบแอล"


          ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตระหนักถึงอันตรายของโรคสมองเสื่อมที่มีความชุกอยู่ที่1.4% เมื่ออายุ 65-69 ปี และสูงกว่า 23.6%เมื่ออายุ 85 ปีขึ้นไป ซึ่งภาวะโรคดังกล่าวนอกจากจะส่งผลต่อผู้ป่วยโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อครอบครัวของผู้ป่วยด้วย  การรู้เท่าทันโรคสมองเสื่อม จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น


/data/content/26241/cms/e_chijnosvwy34.jpg


          สสส.จึงจัดงาน 'วันรู้ทัน ป้องกันโรคสมองเสื่อม'ขึ้นณ อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ เพื่อสร้างการรับรู้ต่อภาวะโรคสมองเสื่อมที่คุกคามในผู้สูงอายุ อันเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความทรงจำ ความแม่นยำในการสั่งงานของสมอง ส่งผลให้ควบคุมกล้ามเนื้อได้ยากอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย และอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวในที่สุด ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ กิจกรรมตอบคำถามจากนิทรรศการในงาน อาทิ การสังเกตอาการการดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้พ้นจากความเสี่ยงของโรคพร้อมทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี


          ในงานยังมีการสาธิตการนวดกระตุ้นสมอง โดย อาจารย์สุขพัชรา ซิ้มเจริญศึกษานิเทศผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านสมองและพัฒนาการเด็กพิเศษ เผยว่า ผู้สูงอายุจะมีเส้นเลือดไม่แข็งแรงแตกและเปราะง่าย หากมีอาการเส้นเลือดตีบบริเวณส่วนความจำจะทำให้เกิดอาการความจำเสื่อม เราจึงต้องนวดสมองเป็นประจำโดยเริ่มจากสมองส่วนหน้าผาก (Frontal Lobe) ซึ่งควบคุมการวางแผนจัดการ โดยใช้นิ้วดึงจากหน้าผากจนถึงขมับ สมองส่วนขมับ (Temporal Lobe)ที่ควบคุมความจำ สามารถนวดโดยใช้สองนิ้ววนไปมาบริเวณขมับโดยใช้น้ำหนักพอประมาณ


          ต่อมาคือ บริเวณกกหูและส่วนท้ายทอย (Occipital lobe) ที่ควบคุมการมองเห็นให้ใช้สองนิ้วนวดวนไปมาและ บริเวณกลางศีรษะ(Parietal lobe)สมองส่วนนี้จะเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างถูเป็นวงกลมตรงส่วนกลางของศีรษะและนวดกดลงไปเรื่อยๆ จนถึงท้ายทอย และนวดบริเวณโคนของใบหูจนถึงติ่งหู 


/data/content/26241/cms/e_iknrwxyz1278.jpg


          อาจารย์สุขพัชราบอกอีกว่า ท่าฝึกสมองอีกท่าหนึ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน คือท่า "จีบ-แอล" เป็นท่าบริหารสมองให้เกิดการทำงานโดยแยกสั่งการร่างกายทั้งซีกซ้ายและซีกขวาโดยเริ่มจากทำมือซ้ายเป็นรูปจีบ มือขวาเป็นรูปแอล ที่นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทำมือตั้งฉากกัน และทำสลับไปมาซ้ายขวา จากจีบเป็นแอลจากแอลเป็นจีบ


          การบริหารสมองด้วยท่าจีบ-แอลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยชะลอสมองเสื่อมก่อนวัย และฝึกให้สมองส่วนควบคุมกล้ามเนื้อ (corpus callosum)สามารถทำงานได้อย่างสมดุลช่วยเสริมความจำและเพิ่มประสิทธิภาพของคลื่นสมอง (brain wave)ทำให้สมองมีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น


          "การนวดกระตุ้นสมองและท่าบริหารจีบ-แอล ควรทำเป็นประจำทุกวัน และสามารถทำได้ทุกเวลา ทั้งเช้า กลางวัน เย็นก่อนนอน หลังตื่นนอน หรือเวลาใดก็ได้ที่เราต้องการจะทำ เพราะภาวะโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุเท่านั้นที่สามารถป่วยได้แต่คนทุกเพศทุกวัยสามารถเป็นได้หากไม่ดูแลตนเอง เราควรหันมาดูแลสมองของเราให้สมบูรณ์มากที่สุด" อาจารย์สุขพัชราแนะนำทิ้งท้าย


          ผู้สนใจกิจกรรมจากทางศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. สามารถติดตามได้ที่ www.thaihealthcenter.org หรือ โทร.08-1731-8270


 


 


          ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

Shares:
QR Code :
QR Code