จากคนล้นคุก สู่คุกสร้างคน เมื่อโยคะกลายเป็นแสงนำทางของอดีตผู้ต้องขังหญิง
เรื่องโดย ภินันท์ชญา สมคำ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก “เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 3 Voice of the Voiceless 3rd”
ภาพโดย ภินันท์ชญา สมคำ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
“…ในสังคมที่ตัดสินคนจากอดีต ความผิดหนึ่งครั้งอาจกลายเป็นตราบาปตลอดชีวิต โดยเฉพาะเมื่อความผิดนั้นนำพาไปสู่การถูกจองจำในเรือนจำ สถานที่ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นจุดสิ้นสุดของความเป็นคนดี อย่างไรก็ตามเมื่อโยคะกลายเป็นแสงนำทางของอดีตผู้ต้องขังหญิง ได้แปรเปลี่ยนจากคนล้นคุก…สู่คุกสร้างคน…”
แต่สำหรับงาน Voice of the Voice เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ ปีที่ 3 ที่จัดขึ้นโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ฉายภาพตรงข้ามอย่างหมดเปลือก คือการพลิกมุมมอง และชี้ให้เห็นว่า บางครั้งเรือนจำอาจไม่ใช่เพียงสถานที่แห่งการลงโทษ หากแต่สามารถเป็นพื้นที่ของการฟื้นฟู เยียวยา และคืนคนดีกลับสู่สังคม
งานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “รวมพลังหุ้นส่วนสุขภาวะ ก้าวไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เมื่อวันที่ 18-19 มิถุนายน 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ท่ามกลางผู้คนจากหลายภาคส่วนที่เชื่อว่า ทุกเสียงมีคุณค่า และการให้โอกาส คือ จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังและเปิดทางสู่ชีวิตใหม่อย่างเท่าเทียม
เสียงที่เปลี่ยนชีวิต: โยคะจากเรือนจำ สู่เวทีโลก
บนเวทีงาน Voice of the Voice มีการแสดงโยคะอันงดงามประสานบทเพลงใจนำทางโดยอดีตผู้ต้องขังหญิง 7 คน ที่ครั้งหนึ่งเคยหลงทาง เคยเงียบงันในมุมมืดของสังคม แต่วันนี้พวกเธอกลับมานำทางตัวเองอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ท่วงท่าที่อ่อนช้อย แต่คือเสียงของอิสรภาพที่กำลังถูกกู้คืน ที่ฝึกซ้อมบ่มเพาะจากในเรือนจำ
การแสดงนั้นไม่ใช่เพียงท่วงท่าที่อ่อนช้อย หากเป็นเสียงที่สื่อสารจากภายใน เสียงของอิสรภาพที่ถูกค้นพบอีกครั้งบนเสื่อโยคะ ที่มีเรื่องราวเคยผิดพลาดไปด้วยบาดแผล และบทเรียนที่ไม่มีในห้องเรียนใด ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมีเหมือนกัน คือ ความเป็นมนุษย์
ผศ.ธีรวัลย์ วรรธโนทัย ผู้ริเริ่มโครงการโยคะในเรือนจำมากว่าทศวรรษ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากความเข้าใจว่า ผู้ต้องขังจำนวนมากเผชิญความเครียดและความโดดเดี่ยวอย่างรุนแรง การฝึกโยคะจึงเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางใจให้พวกเขาได้เรียนรู้ร่างกาย หายใจ ให้กลับมาอยู่กับตัวเอง
จากกิจกรรมเล็ก ๆ ในเรือนจำกลางราชบุรี ในช่วงที่เธอไร้อิสรภาพ กลายเป็นการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนชีวิตผู้ต้องขังนับร้อยและส่งผู้ต้องขังหญิงไปคว้าเหรียญโยคะในเวทีระดับเอเชีย
จากกำแพงคุก สู่อ้อมแขนของมนุษย์ : ภาพใหม่กำลังถูกเขียน
ในอดีต เรือนจำถูกออกแบบเพื่อควบคุมและลงโทษ ความเป็นมนุษย์ค่อย ๆ ถูกพรากออกไปพร้อมกับอิสรภาพ แต่เมื่อแนวคิดเรือนจำสุขภาวะเริ่มต้นขึ้น ภาพเหล่านั้นกำลังถูกเขียนใหม่
อาจารย์นภาภรณ์ หะวานนท์ หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนโครงการเรือนจำสุขภาวะ ย้ำว่า… การลงโทษคือการพรากเสรีภาพก็เพียงพอแล้ว สิ่งที่เรือนจำต้องทำต่อจากนั้นคือการฟื้นฟู เยียวยา และประคับประคองให้มนุษย์คนหนึ่งได้เริ่มต้นใหม่
สิ่งที่สะเทือนใจ คือ หลายคนไม่ได้เข้าสู่เรือนจำเพราะความชั่วร้ายในจิตใจ แต่เพราะชีวิตที่ถูกบีบคั้นจากความเหลื่อมล้ำ โอกาสที่ไม่เคยเปิด และความไม่รู้ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต
ดังนั้น หากสังคมยังปฏิเสธไม่ฟังเสียงของผู้ต้องขัง ยังมองพวกเขาด้วยสายตาเดิม ๆ เราอาจกำลังละทิ้งศักยภาพของมนุษย์ที่สามารถกลับมาเป็นพลเมืองที่ดีได้
จากผู้ต้องขังอายุเพียง 20 ต้น ๆ : เรื่องเล่าของขวัญ
ขวัญ เป็นอีกหนึ่งเสียงจากเรือนจำ เธอเคยเป็นผู้ต้องขังหญิงที่ถูกจับพร้อมกับแฟนและเพื่อนของแฟนในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะอายุเพียง 20 ต้น ๆ โดยที่ไม่รู้แม้กระทั่งกฎหมายและโทษร้ายแรงที่จะต้องเจอ เธอสารภาพว่าเคยดูเพียงหนังเรื่องขัง 8 แล้วจินตนาการไปไกลว่าเรือนจำจะน่ากลัวเพียงใด
แต่สิ่งที่เธอได้เจอ คือ “เหมือนโรงเรียนประจำที่มีความรู้ให้เรียน” และสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเธอ คือการได้ฝึกโยคะกับอาจารย์ธีรวัลย์ ภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
เธอเริ่มต้นจากเรือนจำราชบุรี ที่ต่อมาเป็นต้นแบบของโครงการโยคะในเรือนจำ เรียนรู้ ฝึกฝน จนกลายเป็นครูสอนโยคะ เมื่อพ้นโทษ อาจารย์ธีรวัลย์ยังติดต่อเธอเพื่อให้กลับไปสอนในเรือนจำอีกครั้ง “รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เมื่่อก่อนทำในฐานะผู้ต้องขัง พอออกมาแล้วได้ทำเต็มตัว เป็นครูสอนโยคะ ปลื้มใจ ภูมิใจในตัวเองมาก เราเคยพลาด แต่วันนี้เราทำงานให้สังคม เป็นอะไรที่โชคดีสำหรับเราจริง ๆ”
ปัจจุบัน ขวัญเป็นครูสอนโยคะให้กับสตูดิโอเอกชน และเรือนจำ ได้รับการว่าจ้างในฐานะวิทยากร เธอบอกว่า “เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลย จากคนที่คิดว่าไม่มีค่า ถูกจองจำอยู่ข้างใน วันนี้ได้ออกมาทำในสิ่งที่ไม่เคยฝันว่าตัวเองจะทำได้ บางทีก็ยังไม่อยากเชื่อว่า นี่คือความจริง”
ให้โอกาสคนล้ม เพื่อเขาจะลุกได้อีกครั้ง
โครงการเรือนจำสุขภาวะ รวมถึงโยคะในเรือนจำ คือการพิสูจน์ว่า มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีคนเชื่อมั่นในศักยภาพนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่ก้าวพลาดแล้วจะกลับมาถูกทางได้หากมีมือหนึ่งยื่นให้กำลังใจ บางคนก็พร้อมจะเดินกลับมาและกลายเป็นคนใหม่ที่มีคุณค่ากับสังคมมากกว่าเดิม
ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อพิพากษา
ทั้งหมดนี้ หากเราหยุดฟังด้วยอคติ แล้วเปิดใจรับฟังด้วยความเข้าใจ เราจะเห็นว่า ในแต่ละเรื่องราวนั้นมีเมล็ดพันธุ์ของการเติบโต มีโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ และมีคุณค่าในตัวคนที่ยังไม่สูญสิ้น
ส.ส.ส.ขอเพียงสังคมให้โอกาสคนที่เคยล้ม..แล้วลุกขึ้นมาได้อย่างเข้มแข็งกว่าที่ใครคาดคิด เรือนจำไม่ใช่จุดจบของเส้นทางชีวิต แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของบางคนที่รู้ว่าตนเองมีค่ามากกว่าความผิดพลาด