จัดตั้งคลินิกโรคจากการทำงาน
ในวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันแรงงานแห่งชาติ และให้ความสำคัญในการดูแลประชากรกลุ่มนี้ซึ่งมีประมาณ 45 ล้านคน นับเป็นวัยที่เป็นกำลังในการสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศและครอบครัว
ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายดูแลคนกลุ่มนี้ เพื่อป้องกันและลดปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไป และโรคจากการประกอบอาชีพ เช่น อุบัติเหตุจากการทำงาน การได้รับสารเคมีในภาคเกษตร เป็นต้น
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคลินิกโรคจากการทำงานในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 81 แห่ง เพื่อรักษาโรคภัยที่เกิดจากการทำงาน ทั้งจาก 3 ระบบกองทุนสุขภาพ มีแพทย์เชี่ยวชาญพร้อมเครื่องมือแพทย์ในสาขานี้ดูแลเฉพาะ พร้อมทั้งจัดให้ระบบการดูแลมีความพิเศษแตกต่างจากผู้ป่วยทั่วไป เช่น ห้องชำระล้างสารเคมี เครื่องตรวจระดับการได้ยิน ยารักษาที่จำเพาะโรค การเย็บต่ออวัยวะที่ถูกเครื่องจักรตัดขาด เป็นต้น
ส่วนในพื้นที่ชนบทส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคเกษตรกรรม จะตั้งคลินิกสุขภาพเกษตรกรในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อป้องกันโรคทั่วไป และตรวจคัดกรองความเสี่ยงจากการได้รับสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรกรรม เช่น ยาฆ่าแมลง เนื่องจากมีผลการตรวจเลือดเกษตรกรในรอบ 2 ปีมานี้ พบมีสารกำจัดศัตรูพืชในระดับที่เสี่ยงและไม่ปลอดภัย สูงถึงร้อยละ 32 ของเกษตรกรที่ได้รับการตรวจคัดกรอง จึงต้องเน้นการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว ที่น่าห่วงคือโรคมะเร็งจากสารเคมีบางตัว
ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคได้จัดทำคู่มือการจัดบริการคลินิกสุขภาพเกษตรกรในรพ.สต. เป็นคู่มือสำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการดูแลเกษตรกรที่มีอยู่ 15 ล้านคน รวมทั้งจัดทำคู่มือประเมินความเสี่ยงอาการผิดปกติของระบบโครงร่าง กระดูกและกล้ามเนื้อ เพื่อให้การดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง ใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงรพ.สต. โดยได้รับความร่วมมือจากคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล และแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาพบว่า โรคจากการประกอบอาชีพที่มีรายงานมาก 5 อันดับ ได้แก่ กลุ่มโรคกระดูกและกล้ามเนื้อพบ54% รองลงมากลุ่มพิษจากสัตว์ร้อยละ 25 กลุ่มโรคผิวหนัง 20% กลุ่มพิษจากพืช 4% กลุ่มโรคปอดและทางเดินหายใจ 3%และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มโรค
ดร.นายแพทย์พรเทพ กล่าวต่อว่า การทำงานในท่าทางไม่เหมาะสมซ้ำๆทุกวันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดความเมื่อยล้าและอาการเจ็บปวดเฉพาะที่ เช่น การยืน การนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์ การยกของหนัก ฯลฯ อาจเกิดอาการเจ็บปวดถาวร และความเสื่อมของข้อต่อเอ็นได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันสาเหตุ ควรหากิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อต้นคอ บ่า หลัง ไหล่ – สะบัก หลังส่วนบน สีข้าง ลำตัวและข้อเท้า ซึ่งทำได้ง่ายทุกเพศทุกวัย ใช้เวลาน้อย ซึ่งจะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สร้างความพร้อมกล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหว ได้ดีขึ้น ป้องกันการบาดเจ็บ เพิ่มการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย และช่วยผ่อนคลายความเครียดด้วย
ทั้งนี้ สามารถขอคำแนะนำได้ที่ สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม โทรศัพท์ 0-2 591- 8172 หรือทาง e-mail : [email protected]
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง