จัดตั้งคลินิกเพศหลากหลายในวัยรุ่น
รพ.รามาธิบดี สำรวจพบเด็กหลากหลายทางเพศ “เกย์ กะเทย ทอม ดี้” ครึ่งหนึ่งครอบครัวไม่ยอมรับ กระทบการเรียน เครียด ซึมเศร้า เสี่ยงฆ่าตัวตายสูง
พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวการเปิดให้บริการ “คลินิกเพศหลากหลายในวัยรุ่น” ว่า จากการสำรวจวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศในโรงเรียนมัธยมในเขต กทม. จำนวน 2,400 คน เมื่อปี 2556 พบว่า มีความชุกของความหลากหลายทางเพศ อาทิ กะเทย ทอม ดี้ ไบเซ็กชวล เป็นต้น ถึงร้อยละ 11 ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยในสังคม โดยจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งไม่ได้รับการยอมรับหรือถูกปฏิเสธจากครอบครัวและสังคม ส่งผลให้มีการศักยภาพด้านการเรียนที่ด้อยกว่าคนที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงมีอัตราเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายสูงกว่า
พญ.จิราภรณ์ กล่าวว่า ในการสัมภาษณ์เชิงลึกพบอีกว่า เด็กที่ต้องการข้ามเพศไปเป็นเพศที่ตัวเองต้องการ ทั้งเพศชายที่ต้องการกลายเป็นหญิง และเพศหญิงที่ต้องการเป็นชาย มีการใช้ฮอร์โมนในปริมาณที่สูงมาก โดยสั่งซื้อฮอร์โมนเพศมากินเอง โดยเฉพาะการสั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ตที่มีการโฆษณาขายอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มาจากความไม่เข้าใจที่ถูกต้อง จากปัญหาดังกล่าวเห็นชัดว่าการเข้าใจในเรื่องเพศในสังคม เพื่อนำไปสู่การยอมรับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงจัดตั้งคลินิกเพศหลากหลายในวัยรุ่น (Gender Variation Clinic หรือ Gen-V Clinic) ขึ้นเพื่อดูแลเด็กหลากหลายทางเพศเหล่านี้แบบองค์รวม และช่วยสร้างความเข้าใจให้ครอบครัวทราบถึงบทบาทของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ควรมีต่อบุตรหลานที่มีความหลากหลายทางเพศ
“ทางการแพทย์ไม่ได้เชื่อว่าเพศจะแบ่งเป็นเพียงแค่ชายและหญิง แต่เพศมีความแตกต่างหลากหลาย จึงต้องมีคลินิกโดยเฉพาะ ทั้งนี้ คลินิก Gen-V จะมี ทีมสหวิชาชีพคอยดูแล โดยให้บริการ วัยรุ่น เริ่มเปิดให้บริการ 12 ก.ย.นี้” พญ. จิราภรณ์ กล่าว
ศ.นพ.พัฒน์ มหาโชคเลิศวัฒนา กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล้วนมีฮอร์โมนทั้งสองเพศในร่างกาย แต่จะ มีความสมดุล การที่เด็กข้ามเพศไปซื้อฮอร์โมนจากอินเทอร์เน็ต หรือร้านขายยา มากินเองถือว่าอันตรายมาก เพราะเด็กเหล่านี้มักจะกินอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งบางครั้งสูงกว่าการที่แพทย์สั่งจ่ายฮอร์โมนถึง 5 เท่า อย่างผู้ชายที่ต้องการเป็นผู้หญิง จะซื้อฮอร์โมนเพศหญิง โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดมากินเพื่อให้นมตั้งเต้า หากหยุดกินหน้าอกก็จะกลับไปเป็นเช่นเดิม จึงมีการกินตลอด ซึ่งการการกินเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะเกิดผลข้างเคียงในระยะยาว ทั้งมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก การทำงานของตับผิดปกติ ไขมันในร่างกายผิดปกติ รวมถึงอาจเป็นโรคเบาหวาน และโรคกระดูก
“กินฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง 1-2 สัปดาห์ หรือ 6 เดือนแล้วจะเกิดผลกระทบทันที แต่อาจเกิดผลกระทบในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ที่สำคัญคือเด็กเหล่านี้เมื่อกินฮอร์โมนเข้าไปแล้วไม่มีการตรวจเช็กสภาพร่างกายของตัวเองเลยว่าการทำงานของร่างกายมีความผิดปกติหรือไม่ คลินิก Gen-V จะเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องเหล่านี้ด้วย” ศ.นพ.พัฒน์ กล่าว
นายภานุพงษ์ นักเรียนโรงเรียนใน กทม.แห่งหนึ่ง ซึ่งมีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า เพื่อนที่มีความหลากหลายทางเพศไปซื้อฮอร์โมนมากินเองเพื่อให้นมตั้งเต้ามีสูงมาก เรียกว่าเป็นค่านิยมในหมู่กะเทยก็ว่าได้ เพราะมีความเชื่อและมักบอกต่อๆ กันว่ากินแล้วจะสวย มีหน้าอก พอโตขึ้นเมื่อพร้อมก็จะไปศัลยกรรมเพื่อเป็นผู้หญิงได้เลยทันที ส่วนตนก็เคยซื้อมากินเช่นกัน ก็รู้สึก ว่านมตั้งเต้าขึ้น เอวคอดลง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิง แต่กินได้ประมาณ 2 เดือนกว่าก็หยุด ตอนนี้ก็ไม่ได้กินแล้ว เพราะรู้ว่ามีโทษโดยเฉพาะเรื่องมะเร็ง จึงคิดว่ารอให้ตัวเองพร้อมแล้วค่อยไปทำศัลยกรรมทีเดียวดีกว่า
ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต