งานที่เหมาะสมกับผู้สูงวัย

ที่มา :  มติชน


งานที่เหมาะสมกับผู้สูงวัย thaihealth


แฟ้มภาพ


เพราะผู้สูงวัยในประเทศไทยยังอยู่ในวังวน "ยิ่งแก่ยิ่งจน" จากหลากหลายเหตุผล แม้จะเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว ผู้สูงวัยไทยส่วนใหญ่จึงยังควร "ทำงานต่อ"? หาคำตอบได้จากการบรรยายเรื่อง รูปแบบการจ้างานที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ในงานประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมความร่วมมือประชารัฐเพื่อการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ จัดโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ณ โรงแรมปริ๊นพาเลซ มหานคร กรุงเทพฯ


ผศ.ศุภชัย ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุประมาณ 11 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเพียง 4 ล้านคนที่มีงานทำมีรายได้ แบ่งเป็นผู้ทำงานในระบบ 4.77 แสนคน และนอกระบบ 3.58 ล้านคน ส่วนที่เหลืออีก 6-7 ล้านคนเป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีงานทำ ฉะนั้นเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงของผู้สูงวัย สำคัญที่สุดคือ ผู้สูงอายุควรทำงานเพื่อมีรายได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้สูงอายุในกลุ่มประกันสังคม แรงงานนอกระบบ ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีงานทำ ได้มีโอกาสทำงานมีรายได้มากขึ้น


"วัยเกษียณที่จะอยู่ได้โดยไม่ได้ทำงานคือ ข้าราชการบำนาญ ที่รับเงินบำนาญร้อยละ 70 ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ซึ่งแต่ละคนได้เป็นหลักหมื่นบาทต่อเดือนขึ้นทั้งนั้น ผู้สูงวัยกลุ่มนี้จึงมีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำงานต่อหลังเกษียณ ยกเว้นบางสาขาที่มีการขยายอายุ เช่น ผู้พิพากษา อัยการ อาจารย์ ที่ขยายอายุเกษียณไป 65 และ 70 ปีเป็นรายกรณี ส่วนแรงงานเกษียณในระบบประกันสังคม ให้เงินบำนาญเพียงร้อยละ 20 ของเงินเดือน เช่น เงินเดือนสุดท้ายอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน จะได้เงินบำนาญ 3,000 บาทต่อเดือน ก็อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในอนาคต"


ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ภายหลังมีการออกแบบกติกาการจ้างงานผู้สูงอายุแยกจากแรงงานทั่วไป ของคณะกรรมการค่าจ้างแรงงาน ที่เตรียมประกาศอัตราค่าจ้างงานผู้สูงอายุรายชั่วโมง พร้อมกับคำแนะนำถึงวิชาชีพที่ผู้สูงอายุควรทำและไม่ควรทำ เพื่อเปิดช่องและจูงใจให้ภาคเอกชนและสถานประกอบการ สามารถจ้างงานผู้สูงอายุเป็นรายชั่วโมงได้ แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่ และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำ คาดว่าจะมีการประกาศช่วงเดือนเมษายนนี้


ส่วนสาขาอาชีพที่ผู้สูงอายุควรทำ "ควรเป็นงานที่มีคุณค่า ศักดิ์ศรี และเหมาะสมกับสภาพร่างกาย" อย่างงานที่ต้องใช้ประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ และไม่หนักจนเกินไป ได้แก่ งานเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม สุขภาพ ความเป็นอยู่ อย่างงานในห้างสรรพสินค้า เช่น เดินแจกสิ่งของ สำรวจความพึงพอใจลูกค้า หรืองานในภาคอุตสาหกรรม เช่น โค้ชคอยสอนและควบคุมงานให้เด็กรุ่นใหม่ หรืออาชีพอิสระก็กลุ่มงานช่างเบื้องต้นต่างๆ เช่น ล้างแอร์ ซ่อมปลั๊กไฟ ซ่อมประปา ส่วนงานที่ไม่เหมาะ ได้แก่ งานที่ต้องใช้ความรวดเร็ว เช่น แคชเชียร์ งานที่ลดคุณค่าและศักดิ์ศรี เช่น แจกใบปลิว


ผศ.ศุภชัยกล่าวอีกว่า ส่วนตัวยังเชื่อว่าการจ้างงานผู้สูงอายุมีข้อดีกว่าแรงงานต่างด้าว ตั้งแต่เรื่องประสบการณ์มากกว่า การสื่อสารดีกว่า มีความรับผิดชอบต่องานสูงกว่า ซึ่งด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทำให้คนอายุยืนขึ้น เชื่อว่าผู้สูงอายุหลายคนพร้อมทำงานหลังเกษียณแล้ว รอเพียงภาครัฐ เอกชน และครอบครัวที่จะเปิดโอกาส เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะปัจจุบันคนไทยมีบุตรน้อยลง เป็นผู้สูงวัยอยู่โดดเดี่ยวมากขึ้น ฉะนั้นต้องทำให้ผู้สูงวัยสามารถพึ่งพิงตัวเองให้ได้ ไม่รอพึ่งพิงลูกหลานหรือรัฐบาล เพราะอย่างเบี้ยผู้สูงอายุที่รับกันในปัจจุบันจำนวน 8 ล้านคน ใช้งบประมาณ 270,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.1 ของจีดีพี คาดการณ์ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ที่ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นจะต้องใช้งบประมาณ 700,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของจีดีพี ซึ่งถือว่าใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ยิ่งแนวคิดที่ขอเพิ่มเบี้ยสูงอายุเป็น 3,000 บาทต่อเดือน มองว่าประเทศคงจ่ายให้ไม่ได้แน่ หรือหากจะจ่ายจริงก็คงต้องเตรียมการล่วงหน้า โดยเฉพาะการต้องเก็บภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นอย่างในต่างประเทศ เราจะทำได้ไหม เกษียณอย่างมีคุณค่า

Shares:
QR Code :
QR Code