“คาร์ ฟรี เอเวอรี่เดย์” ลดใช้รถ เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข


บทสัมภาษณ์พิเศษ    ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย  พรรณสวัสดิ์ ประธานชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย (TCC) และประธานมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย (TWCI)


“คาร์ ฟรี เอเวอรี่เดย์” ลดใช้รถ เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน thaihealth


“สิ่งที่ต้องยอมรับคือเมืองใหญ่ของไทย มีถนนแต่ไม่ได้ใช้เพื่อการสัญจรทั้งหมด บางคนก็ใช้เป็นที่จอดรถ ดังนั้น การเพิ่มถนนไม่ใช่การแก้ปัญหารถติด และไม่ช่วยในการลดใช้รถ ใช้ถนนแน่นอน ทางจักรยานก็เช่นกัน หลังสร้างทางจักรยานไม่มีหน่วยงานไปดูเลยว่า ใครใช้ประโยชน์จากมันและบางคนยังยึดเป็นที่จอดรถอยู่ดี”  ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย (TCC) และประธานมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย (TWCI) ให้ความเห็นถึงความแออัดของรถยนต์ในสังคมไทย และชี้ถึงปัจจัยหนึ่งที่เป็นส่วนก่อให้เกิดปัญหา


“คาร์ ฟรี เอเวอรี่เดย์” ลดใช้รถ เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน thaihealth


เนื่องในวันที่ 22 กันยายน ของทุกปีเป็นวันปลอดรถสากล หรือ วันคาร์ฟรีเดย์  World Car Free Day : CFD  ปีนี้ ศ.กิตติคุณ ดร. ธงชัย ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสที่ใช้จักรยานและมองเห็นความสำคัญของการเดินเท้า เพื่อลดการใช้รถ ใช้ถนนนั้น เจ้าตัวยืนยันว่า ในวัน คาร์ พรี เดย์ หรือ วันปลอดรถปีนี้ คงต้องกระตุ้นให้สังคมมองไปไกลกว่าการจัดกิจกรรมแค่วันเดียว ที่เน้นจำนวนคนมาร่วมงานหรือจัดกิจกรรมรณรงค์เพียงวันเดียวต่อปี  แต่ยากเสนอให้สังคมไทยมี คาร์ ฟรี เอเวอรี่เดย์   ( Car Free Every day) มากกว่า คือ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวทุกวัน เพื่อให้คนส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการผลักดันพฤติกรรมลดการใช้รถยนต์ในระดับพฤติกรรมแบบปัจเจกมากขึ้น


“คนส่วนใหญ่ในสังคม อาจไม่ใช่คนมาร่วมกิจกรรมในวันคาร์ ฟรีเดย์ แต่เป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ ที่มีส่วนช่วยลดการใช้รถยนต์เพื่อผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม เช่น เดิน หรือปั่นจักรยานแทนก็ลดมลพิษ แต่หากคุณมีที่ทำงานใกล้บ้านพัก   แล้วยังเลือกปั่นจักรยาน หรือเดินไปทำงานแทนการใช้รถแล้วพบว่าคุณมีเวลามากกว่าปกติ 2 ชั่วโมง  คุณมีเวลาอยู่กับลูก กับครอบครัวมากขึ้น มีเวลาทานอาหารเช้า แล้วออกไปทำงานช้าแต่ไปถึงที่ทำงานทันเวลา เพราะว่าถนนโล่ง ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อไปนั่งติดบนรถเป็นระยะทางไกลๆ  นั่นคือผลตอบกลับของพฤติกรรมที่ช่วยลดใช้รถยนต์ เป็นการลงทุนทางสังคมที่คุ้มค่า เราทำแบบนี้ก็ได้นะ  เมื่อมีคนใช้แนวคิดนี้มากขึ้น เราก็จะลดฝุ่นละออง ลดมลพิษทางอากาศ มันคือการลงทุนระยะยาว” ศ.กิตติคุณ ดร. ธงชัย ยกตัวอย่างถึงการใช้ชีวิตในการปรับพฤติกรรมเพื่อตอบโจทย์แนวคิด คาร์ฟรีเอเวอรี่เดย์  หลังจากเป็นผู้นำแนวความคิด  คาร์ฟรีเดย์ หรือ วันปลอดรถมาใช้ตั้งแต่ปี 2543


บทเรียนที่ผ่านมาคนกลับมองแนวคิดดังกล่าวเป็นการรณรงค์ให้คนใช้จักรยาน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจักรยานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการลดการใช้รถเท่านั้น ดังนั้นถ้ามีการส่งเสริมให้ปลอดรถทุกวันเป็นเรื่องที่ดีทำให้ประชาชนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นและลดการขับรถยนต์เข้าเมือง ซึ่งช่วยลดภาวะโลกร้อนมลพิษน้อยลง คนป่วยระบบทางเดินหายใจก็น้อยลง ประชาชนก็ไม่ต้องลาป่วย เมืองน่าอยู่ และลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เมืองได้นอกจากนี้ผู้บริหารของประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปหากิจกรรมส่งเสริมเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมการเดินทางของประชาชนด้วย เริ่มจากการจัดวันปลอดรถปีละหนก่อนและก้าวไปสู่การปลอดรถทุกวันในอนาคตเมื่อระบบรถไฟฟ้าคลอบคลุมหลายจุด


“คาร์ ฟรี เอเวอรี่เดย์” ลดใช้รถ เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน thaihealth


ประธานชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ย้ำชัดว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยนั้นเมืองใหญ่เต็มไปด้วยรถรา และถนนหลายที่ก็มีปัญหาการจราจรติดขัด แต่อย่างน้อยประเทศไทยก็เป็นประเทศอันดับหนึ่งของ South East Asia ที่มีการเดินเท้าและการใช้จักรยานทุกประเภท ตั้งแต่จักรยานใช้งานทั่วไป จนถึงจักรยานที่ใช้เพื่อการกีฬาและวงการผู้คลั่งไคล้จักรยาน  ดังนั้นการสนับสนุนให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการใช้รถยนต์อาจทำได้ไม่ยาก อาจจะเริ่มง่ายๆ ก่อน ด้วยการยกเลิกเทคโนโลยีการก่อสร้างไปก่อน ไม่ต้องก่อสร้างอะไรเลย แต่เน้นที่พฤติกรรมคนมากขึ้น เช่น หนุนการใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น แบบรวดเร็ว ปลอดภัย  ในที่นี้หลายกระทรวงของรัฐบาลและหลายหน่วยงานพัฒนาเอกชนก็ช่วยได้ เช่น กระทรวงคมนาคมก็มาดูระบบจราจรที่หนุนให้คนใช้ถนนน้อยลง กระทรวงท่องเที่ยวก็เข้ามาส่งเสริมกิจกรรม ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็มีการจัดพื้นที่ อำนวยความสะดวกในแต่ละจังหวัด อำเภอ กระทรวงการคลังเข้ามาดูแลเรื่องงบประมาณหรือดูแลระบบภาษีให้คนที่ใช้รถยนต์น้อย ซึ่งหากคิดได้เช่นนี้เราอาจได้มากกว่าทางจักรยาน แต่ได้ความปลอดภัย ได้รับการอำนวยความสะดวกมากขึ้น ตรงนี้เราต้องมีการสร้างความเข้าใจให้ฝ่ายบริหาร


ที่แม่ฮ่องสอนไม่มีทางจักรยานนะ แต่คนใช้จักรยานกันมากมาย เพราะเขาใช้พื้นที่ถนนมีประสิทธิภาพแล้ว คือ ทุกคนทำใจยอมรับได้ว่าทางใช้ร่วมกันได้ ผมจึงพยายามพูดว่า เราไม่ได้ต้องการก่อสร้างเกินตัว  เราต้องการสะดวกและปลอดภัย  เช่น หันมาทำทางเท้ามากขึ้น ให้เลนรถวิ่งน้อยๆ รถที่ใช้ก็หนุนการใช้รถขนาดเล็ก ถนนใดบ้างรถใหญ่วิ่ง รถเล็กวิ่ง จะสังเกตว่าบางที่สร้างถนนสร้างไว้ให้รถจอดเหมือนที่ผมบอกตอนต้น ถ้าเจอแบบนี้บ่อยก็เอามาตรการห้ามจอดเข้ามาใช้เลย ทำยังไงก็ได้ให้คนไม่จอดรถแช่ไว้บนถนน บางคนขับมาตั้งไกลมาจอดกินถนน ระหว่างวันนั่งทำงานออฟฟิศ แต่เอารถ มาจอด ดังนั้นถ้าคุณมีงานแบบนี้ ไม่ใช่อาชีพที่ต้องเดินทางไกลมาก ก็ลองปรับมานั่งสาธารณะดู มันจะลดการใช้รถได้เหมือนกัน คนใช้จักรยานเอง คนเดินเท้าเองเขาก็ปลดภัยเพราะมีช่องทางให้เขาใช้ ไม่ต้องไปสร้างทางจักรยานเลยถ้าเราเร่งส่งเสริมทำความเข้าใจตรงนี้ประเทศเราก็จะค่อยๆเปลี่ยน ผมเสนอเลยว่าทางเดินเท้าที่เดินได้เป็นเรื่องจำเป็นอันดับแรกๆ ให้คนใช้ทางเดินเท้าได้สะดวก ปลอดภัย


ในสถานการณ์โลกประเทศที่พอจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการส่งเสริมกิจกรรม คาร์ฟรี เอเวอรี่เดย์ และส่งเสริมความปลอดภัย รวมทั้งเห็นความสำคัญของการปั่นจักรยาน การเดินเท้า ลดการใช้รถ ได้แก่  เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ค เยอรมัน   แต่ประเทศไทยทวีปเอเชีย ยังไม่มีประเทศใดทำได้ เหตุผลที่ประเทศต่างๆทำให้ประชาชนมีความกระตือรือร้น ในการมีส่วนร่วม คาร์ ฟรี เอเวอรี่เดย์เพราะว่าประเทศดังกล่าวข้างต้นเป็น คอมแพคซิตี้ (Compact City) หรือ เมืองกระชับ เมืองยั่งยืน ไปไหนมาไหนง่ายๆ   หัวเมืองท้ายเมืองเขาแค่ 5 กิโลเมตร แต่กรุงเทพเชียงใหม่ราว 30 กิโลเมตร ไทยจะทำ Compact city ยาก แต่ทำCompact Zone อาจจะได้ ซึ่งสถาบันฯ กำลังร่วมมือกับหลายองค์กรทำสมาร์ท พญาไท   (Smart Phayathai)  หรือ คอมแพคพญาไท  (Compact Phayathai) ให้พญาไทเป็นบริเวณที่เป็น คอมแพค หมายถึง ที่ทำงานตรงนั้น โรงเรียนอยู่ตรงนั้น  เดินทางไปที่ไหนๆได้ในระยะ 3-5กิโลเมตร นั่นหมายถึงต้องเร่งทำเรื่องผังเมืองที่ดีกระจายไปตามที่ต่างๆ ฟังดูฝันอาจไกล แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีแผนอะไรเลย


ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร …ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรม “คาร์ฟรี เอเวอรี่เดย์” ได้ตั้งแต่วันนี้!

Shares:
QR Code :
QR Code