คลินิกเคลื่อนที่ช่วยผู้พิการใบหน้า-กะโหลกศีรษะ

ที่มา : แนวหน้า


คลินิกเคลื่อนที่ช่วยเหลือผู้พิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ thaihealth


แฟ้มภาพ


คลินิกเคลื่อนที่ช่วยเหลือผู้พิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนฯ 63 พรรษา 2 เมษายน 2561


เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการ สภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษา 63 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2561 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดโครงการ “คลินิกเคลื่อนที่ ช่วยเหลือผู้พิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ” ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสดังกล่าว และเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ให้เข้าถึงการตรวจรักษาที่มีคุณภาพสูงสุดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกทั้ง ยังเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในท้องถิ่นอีกด้วย เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2561 ประเดิมแห่งแรกที่จังหวัดบุรีรัมย์


ศาสตราจารย์ นายแพทย์รื่นเริง ลีลานุกรม รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายบริการ กล่าวว่า ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นศูนย์เฉพาะทางด้านการแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะชนิดรุนแรง แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยใหม่และเก่าจากทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เข้ามารับบริการการตรวจรักษาที่ศูนย์ฯประมาณ 1,400 ราย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากถิ่นทุรกันดาร ทำให้ประสบปัญหาการขาดแคลนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ถึงแม้ทางศูนย์ฯ จะได้ให้ความช่วยเหลือด้านค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาลในรายที่มีปัญหาค่าใช้จ่ายแล้วก็ตาม


“เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 63 พรรษา ในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2561 ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ จึงได้จัดทำ โครงการคลินิกเคลื่อนที่ ช่วยเหลือผู้พิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้การสนับสนุนโครงการนี้ โดยมุ่งหวังการขยายโอกาสให้กับผู้ป่วยในส่วนภูมิภาคที่มีฐานะยากจนได้เข้ารับการรักษา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”


ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากการดำเนินงานที่ผ่านมา 32 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529) ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ได้ดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะให้กับผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและมีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดมาเป็นเวลา 32 ปี โดยอุปสรรคที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ฐานะยากจน โรงพยาบาลในท้องถิ่นไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีเงินเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ


“ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ จึงมีนโยบายและเป้าหมายที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้ให้ได้รับการรักษา เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ที่พึงมีพึงได้ โดยศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัดค่าเดินทาง ค่าอาหารและที่พัก ซึ่งในแต่ละปีศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯใช้งบประมาณที่ได้รับการบริจาคปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุ่มเทของ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกส่วนของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ที่ต้องการเห็นผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโครงการคลินิกเคลื่อนที่ ช่วยเหลือผู้พิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งที่เราจะได้ทำตามปณิธานการก่อตั้งศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ”


รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นนท์ โรจน์วชิรนนท์ รองหัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “โครงการคลินิกเคลื่อนที่ของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นโครงการเสริมในโครงการผ่าตัดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 60 พรรษา โดยจะทำการออกค้นหาและรักษาผ่าตัด ณ โรงพยาบาลในท้องถิ่นต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะในต่างจังหวัด ให้ได้เข้าถึงการตรวจรักษาที่มีคุณภาพสูงสุดทัดเทียมนานาอารยประเทศ และถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนเวชภัณฑ์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้สามารถรักษาผ่าตัดได้ ในรายที่ไม่สามารถทำการรักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาลท้องถิ่นได้ก็จะส่งตัวมารักษาต่อที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ต่อไป”


ด้าน นางประกอบ เมฆสำลี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี มารดาของ น้องแบงค์-ด.ช.ณัฐนนท์ ประมูลศรี อายุ 13 ปี ซึ่งมีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะแต่กำเนิด กล่าวว่า “วันที่คลอดน้องแบงค์พอเห็นว่าลูกหน้าตาผิดปกติก็เสียใจ กังวลกลัวว่าเมื่อลูกโตขึ้นจะใช้ชีวิตลำบาก จึงพยายามทำทุกทางที่จะหาวิธีรักษาลูก แต่ตัวเองก็มีฐานะยากจนถ้าต้องใช้ค่ารักษาจำนวนมากก็คงไม่สามารถรักษาลูกได้ จนได้มาที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ มาพบกับคุณหมอจรัญ น้องแบงค์จึงได้รับการรักษาผ่าตัดตั้งแต่ตอนอายุ 4 เดือน จนถึงปัจจุบัน โดยที่ไม่ได้เสียค่ารักษาพยาบาลแม้แต่บาทเดียว ทำให้น้องแบงค์สามารถไปเรียนหนังสือได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่มีปมด้อยเรื่องหน้าตา ทุกวันนี้แม่ก็พอใจแล้ว แต่คุณหมอบอกว่าน้องก็ยังต้องมาหาหมอเรื่อยๆ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ซึ่งอาจจะต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติม แม่และน้องแบงค์ต้องขอขอบคุณคุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ทุกท่าน รวมถึงผู้บริจาคเงิน ที่ทำให้น้องแบงค์ได้รับการรักษา ได้รับการดูแลอย่างดี ถ้าไม่มีศูนย์นี้ ไม่มีโรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ไม่รู้ว่าชีวิตวันนี้ของน้องแบงค์จะเป็นอย่างไร”


ทั้งนี้ โครงการคลินิกเคลื่อนที่ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ถวายเป็นพระราชกุศล ได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขในจังหวัดต่างๆ เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะทุกประเภทในจังหวัดแถบอีสานใต้ ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ขอนแก่น โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะปล่อยขบวนคาราวานรถออกหน่วย “คลินิกเคลื่อนที่” ในวันที่ 2 เมษายน 2561 เวลา 08.30 น.ณ บริเวณด้านหน้าอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ซึ่งโรงพยาบาลในส่วนภูมิภาคที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

Shares:
QR Code :
QR Code