คลังยันไม่ลดภาษีน้ำอัดลม หวั่นรายได้รัฐหด
กลุ่มเครือข่ายสุขภาพ ชี้ ไม่ควรลดภาษีให้สินค้าที่ทำลายสุขภาพ
ผู้ประกอบการน้ำอัดลมกินแห้ว คลังเมินลดภาษีสรรพสามิต กลัวประเป๋าแฟบ ชี้เป็นรายได้หลักซ้ำไม่มีความจำเป็นต้องลดเพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย องค์กรเอกชนหนุนแข็งข้อบริษัทน้ำดำ ยักษ์ใหญ่ของโลก
ข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการธุรกิจน้ำอัดลมที่ขอให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตให้ โดยอ้างว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลช่วยเหลือด้านภาษีแก่ธุรกิจอื่นๆมามากแล้ว สมควรช่วยผู้ประกอบการในกลุ่มนี้บ้าง ดูท่าจะไม่ได้รับการตอบสนอง โดยนายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจจะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำอัดลมตามข้อเรียกร้องหรือไม่ แต่โดยหลักการแล้ว ภารกิจของกรมสรรพสามิตคือ การเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งน้ำอัดลมก็เข้าข่าย ส่วนการลดภาษี จะทำให้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
“ภาษีน้ำอัดลมเป็นรายได้หลักของกรม หากจะลดภาษีต้องดูความจำเป็น เพื่อไม่ให้การจัดเก็บรายได้มีปัญหา”นายพฤฒิชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนปีงบประมาณ 2552 ที่ผ่านมา (ตุลาคม 2551-สิงหาคม2552) กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้จากภาษีเครื่องดื่มได้ 1.12 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่จัดเก็บได้ 1.14 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าจัดเก็บภาษีทั้งปีตั้งไว้ที่ 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าในเดือนกันยายนซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณจะจัดเก็บได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้
หั่นภาษีต้องรอกรณ์ชี้ขาด
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตธุรกิจสปานั้น นพ.พฤติชัยกล่าวว่า กระทรวงการคลังสามารถสรุปมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการสปาและรายงานให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง รับทราบแล้ว โดยมี 2 แนวทางต้องตัดสินใจคือการลดอัตราภาษีเหลือ 0% หรือ ลดเหลือ 5 % จากปัจจุบันที่จัดเก็บอยู่ 10%
อย่างไรก็ตาม ในการทำข้อสรุปและนำเสนอเรื่องนี้ต่อรมว.คลัง ต้องให้ นายอารีพงศ์ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่จะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 นี้ เป็นผู้อนุมัติในเบื้องต้นก่อน
หนุนคลังตึงภาษีน้ำอัดลม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 24 กันยายน เวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่มเครือข่ายสุขภาพ ประกอบด้วย เครือข่ายด้านโภชนาการและเด็ก เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน เครือข่ายคนไทยไร้พุง เครือข่ายโภชนาการสมวัย มูลนิธิเด็กและครอบครัว และชมรมทันตสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เพื่อคัดค้านการลดภาษีให้อุตสาหกรรมน้ำอัดลม เพราะเกรงว่าจะยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยทั้งประเทศ
ทันตแพทย์วีระศักดิ์ พุทธาศรี นักวิจัยอาวุโส สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า เครือข่ายไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ผู้ประกอบการบริษัทน้ำอัดลมรายใหญ่ของโลก ซึ่งได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อขอให้ลดภาษีน้ำอัดลม ดังนั้นจึงหวังว่ากระทรวงการคลังจะเป็นตัวกลางในการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ควรลดภาษีให้สินค้าที่ทำลายสุขภาพ
ทั้งนี้ มีข้อมูลพบว่า ในปี 2551 ไทยเก็บภาษีจากน้ำอัดลมได้ 1,780 ล้านบาท มีสัดส่วน 39.68% ของภาษีเครื่องดื่มทั้งหมด ดังนั้นหากรัฐบาลจัดเก็บรายได้จากสินค้าประเภทนี้มากขึ้น ก็จะมีรายได้เพิ่มจำนวนมาก โดยการลดภาษีจะได้ประโยชน์ในแง่การลงทุนแต่เพียงระยะสั้น แต่จะก่อผลกระทบต่อประชากรไทยในวงกว้างและระยะยาวในเรื่องสุขภาพ ซึ่งสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะต้องแบกรับภาระและเสียค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขจำนวนมหาศาล
โดยจากการสำรวจ พบว่า ค่าใช้จ่ายตัวครัวเรือนของคนไทยในปี 2551 อยู่ที่ 15,942 บาทต่อครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นค่าอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุดถึง 34.2%อนึ่ง ก่อนหน้านี้ประมาณปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัท โคคา-โคลา ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านโครงสร้างภาษี สรรพสามิตที่เป็นอุปสรรคและกำหนดมาตรการด้านราคาขาย เพราะปัจจุบันมีสินค้าที่จัดอยู่ในหมวดเครื่องดื่มเป็นจำนวนมาก แต่จัดเก็บภาษีได้ไม่ทั่วถึงทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้ประกอบการ
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
update: 25-09-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย