‘ครู-นักเรียน’ ช่วยคิดประยุกต์วิทย์เพื่อสุขภาวะ
ครูและนักเรียน ในจ.นครนายก ช่วยกันนำวิชาวิทยาศาสร์มาประยุกต์ใช้ในโครงการนำร่องอาหารปลอดภัยกับการยกระดับสุขอนามัยโรงเรียน เพื่อต่อยอดความรู้ทางวิทยาศาสตร์
หลายสถานศึกษามีกิจกรรมและการให้ความรู้แก่นักเรียนนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดสุขอนามัยที่ดีอย่างหลากหลาย ที่จังหวัดนครนายก มี 2 โรงเรียนต้นแบบที่ครูและนักเรียนช่วยกันนำวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเคยอยู่ในตำราเรียนมาประยุกต์ใช้อย่างได้ผลผ่าน“โครงการนำร่องอาหารปลอดภัยกับการยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียน” ต่อยอดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ แปลงเป็นกิจกรรมแก้ปัญหาสุขภาพอนามัย ความปลอดภัยด้านอาหารและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาวะที่ดีและถูกต้องให้แก่เด็กนักเรียน
โรงเรียนนวมราชานุสรณ์ จังหวัดนครนายก เป็นหนึ่งโรงเรียนตัวอย่างของโครงการฯ ที่สามารถนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้กับโภชนาการในโรงอาหารของโรงเรียน เพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยของนักเรียนให้ดีขึ้น ผ่านผลทดลองมากมายหลายโครงงาน เช่น โครงการตรวจสอบสารเจือปนในอาหารปรุงสำเร็จ เครื่องปรุงน้ำดื่มภายในโรงอาหาร ,โครงการทำน้ำสมุนไพรขาย และโครงการสุขาวิทย์ เป็นต้น
กันยารัตน์ เจริญยิ่ง อาจารย์ประจำวิชาวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนวมราชานุสรณ์ ซึ่งเป็นครูแกนนำของโครงการนำร่องอาหารปลอดภัยกับการยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียนของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมาบูรณาการให้เข้ากับเนื้อหาความรู้ในวิชาเรียนวิทยาศาสตร์ในห้องเรียน เช่น ตรวจสอบสารเจือปน เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ในอาหารปรุงสำเร็จ น้ำปั่น น้ำดื่ม ที่จำหน่ายในโรงเรียน ตลอดจนการทดสอบการฆ่าเชื้อภาชนะใส่อาหารด้วยความร้อน และโครงการสุขาวิทย์ เพื่อปรับภูมิทัศน์ห้องน้ำนักเรียนหญิงให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อขจัดปัญหาเด็กมั่วสุมบริเวณหลังห้องน้ำหญิง
“หลังจากที่เรารับโครงการนำร่องฯมาและได้นำความรู้วิทยาศาสตร์มาทดลอง และปรับใช้กับเรื่องอาหารในโรงเรียน ทำให้โรงอาหารของโรงเรียนมีสุขอนามัยที่ดี และมีความปลอดภัยดีขึ้น ทั้งคนขายและผู้บริโภค ซึ่งมีแนวคิดที่จะทำต่อเนื่อง เพื่อดันโรงอาหารของโรงเรียนเรา ให้ผ่านการยอมรับของอย.ระดับ 5 ดาวในอนาคต”
ขณะที่ ภาคิไนย ไชโย ประธานนักเรียน “โครงการนำอาหารปลอดภัยกับการยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียน” กล่าวว่าจุดเริ่มต้นของโครงการด้านสุขอนามัยของโรงเรียนก็เพื่อต้องการให้รุ่นน้องได้รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ จึงได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์กับอาหาร รวมถึงการจัดค่าย Health Science แก่น้องนักเรียนมัธยมต้น เช่น ตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม การตรวจหาสารเจือปนในอาหาร รวมทั้งการปรับปรุงภูมิทัศน์ห้องน้ำให้เป็นห้องสุขาวิทย์
“ผลจากการเก็บตัวอย่าง ทดสอบโคลีฟอร์มแบคทีเรียในน้ำดื่มของโรงเรียน พบว่า ส่วนมากจะเกิดในน้ำปั่นที่มีนมเป็นเครื่องปรุงแต่ง เช่น ชานม โก้โก้ปั่น นอกจากนี้ยังได้ทดสอบเวลาในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในภาชนะใส่อาหารด้วยความร้อน พบว่าระยะเวลาในการจุ่มน้ำร้อนเหมาะสมกับการฆ่าเชื้อที่สุดคือ 15 วินาที เทียบกับการทดสอบไม่จุ่มเลย
ส่วนโครงการ “สุขาวิทย์” นั้น ประธานนักเรียนเปิดเผยว่า จัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความสกปรก การทะเลาะวิวาทของนักเรียน และด้านหลังห้องน้ำหญิงมักเป็นแหล่งมั่วสุมอีกด้วย จึงมีแนวคิดปรับปรุงห้องน้ำหญิงให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 3 ด้านวิชา ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมีและชีวะ รวมถึงการติดป้ายให้ความรู้เรื่องยาเสพติด, เพศศึกษา ส่วนด้านหน้าได้สร้างศาลาและปรับสภาพแวดล้อมให้สวยงาม จนปัญหาที่เคยเกิดขึ้นหมดไปจะพบเชื้อแบคทีเรียจำนวนมาก”
ในขณะที่ โรงเรียนบ้านนานครนายกพิทยากร ก็ใช้วิชาวิทยาศาสตร์มาปรับใช้กับอาหาร สุขภาพและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้ดีขึ้น เช่นกัน ทั้ง โครงการตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่มในโรงเรียน, โครงการน้ำดีมีมาตรฐานต้องจัดการด้วยอนุภาพนาโน ซึ่งเป็นการบำบัดน้ำเสียจากโรงอาหารของโรงเรียน ลดกลิ่นและนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ เป็นต้น
ชวนพิศ ชูรัตน์ ครูแกนนำ โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร” จ. นครนายก เปิดเผยว่าก่อนเข้าร่วมโครงการกับ สวทช. เดิมโรงเรียนอยู่ในโครงการวิทย์สุขภาพที่ดีกว่า และปกตินักเรียนได้ทำกิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาหารปลอดภัยอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มองปัญหาการกินและความปลอดภัยของอาหาร จึงให้เด็กช่วยกันเสนอ จึงเกิดโครงการวิทย์กับอาหารเน้นในเรื่องการตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหารทุกชนิดที่จำหน่ายในโรงเรียน ซึ่งพบว่ามีแบคทีเรียปนเปื้อนในน้ำดื่มที่มากับน้ำแข็งบดละเอียด ที่ใช้สำหรับแช่ของสด จึงได้เสนอให้โรงอาหารเปลี่ยนเป็นมาใช้น้ำแข็งหลอดแทน เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของเด็กในโรงเรียนนอกจากนี้ยังได้ดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียของโรงอาหาร เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำเสียที่ส่งกลิ่นเหม็นสร้างความเดือดร้อนให้แก่นักเรียนในโรงเรียนได้อีกด้วย
จุฑามาศ เดชเกาะเก่า และ กมลลักษณ์นวลสนอง นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านนา “นายกพิทยากร” เจ้าของโครงการ
“น้ำดีมีมาตรฐานต้องจัดการด้วยอนุภาพนาโน” ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี ระดับภาคกลางและตะวันออกปี 2556 มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ร่วมกันเปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มจากโรงอาหารของโรงเรียนปล่อยน้ำตามท่อโดยไม่ได้ผ่านการบำบัด ส่งผลให้เกิดมลพิษส่งกลิ่นเหม็น รบกวนสมาธิแก่นักเรียนและระบบนิเวศน์ในบริเวณโรงเรียน
“เราได้เริ่มคิดค้นเพื่อให้น้ำลดกลิ่นและทำให้เป็นน้ำดีนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ โดยทดลองวัดค่าออกซิเจนในน้ำได้ค่าเท่ากับ 0 หรือ มีเชื้อแบคทีเรียในน้ำ จึงได้สืบค้นว่าอะไรช่วยลดกลิ่นของเสียได้ จนได้พบว่า สารอนุภาพนาโนไทเทเนียมไดอ๊อกไซด์ มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดีที่สุด ทั้งในดินและอากาศที่มีแสงผ่าน จึงได้เอามาผสมกับสีทาบ้าน แล้วนำไปทาเคลือบท่อน้ำเสีย เพื่อช่วยยึดเกาะได้ดี ผลที่ได้ช่วยให้กลิ่นเหม็นไม่มี สามารถปล่อยท่อระบายได้ ตลอดจนนำน้ำไปใช้ล้างรถ หรือรดน้ำต้นไม้ได้ด้วย”
ผลที่ได้จากการร่วมโครงการนำร่องฯในครั้งนี้ ครูชวนพิศเห็นว่าทำให้ครูและนักเรียนเกิดการตื่นตัวมากขึ้น หันมาส่งเสริมกิจกรรมดูแลสุขภาพ และใส่ใจเรื่องการกินอาหารมากขึ้น โดยรู้จักเลือกซื้อ เลือกกินอาหารที่มีความปลอดภัย นับว่าเป็นการบูรณาการวิทยาศาสตร์กับอาหารได้อย่างดี ทางด้าน ชายกร สินธุสัย นักวิชาการหน่วยบริการเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาชนบท ไบโอเทค และผู้จัดการโครงการนำร่อง
“อาหารปลอดภัยกับการยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ทั้งสองโรงเรียนนี้อยู่ ภายใต้ “โครงการวิทย์สุขภาพ” ของสวทช.ตั้งแต่เริ่มแรก อยู่ในพื้นที่ที่มีเครือข่ายของพี่เลี้ยงท้องถิ่นที่เข้มแข็ง คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ และเด็กเองได้ดำเนินกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว จึงได้ต่อยอดมาปรับใช้กับงานด้านสุขอนามัย อาหารโภชนาการ ซึ่งต่างจากโครงการเดิมที่เน้นเฉพาะสุขภาพ
“เราเจาะสุขภาพด้านอาหารและอนามัยสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และให้ใส่กิจกรรมอะไรก็ได้เข้าไป จึงทำให้เกิดกระบวนการและแนวทางเรียนรู้ของเขา อย่างเช่น โรงเรียนนวมราชานุสรณ์เขาได้ปรับปรุงและพัฒนาโรงอาหารด้านสุขอนามัยขึ้นมา เช่น ขายน้ำดื่มสมุนไพร เพื่อลดการดื่มน้ำหวานจัด โดยหากลวิธีให้นักเรียนมาสนใจและรับประทาน ซึ่งเป็นการหารายได้อย่างหนึ่งให้กับกลุ่มนักเรียนที่ทำด้วย”
ผู้จัดการโครงการนำร่อง “อาหารปลอดภัยกับการยกระดับสุขอนามัยในโรงเรียน” เห็นว่าโครงการที่ดำเนินอยู่ บรรลุเป้าหมาย 4 ข้อ ได้ผลสัมฤทธิ์การเปลี่ยนแปลงสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้จากที่ตั้งไว้ 20% แต่ได้ถึง 50% โดยสามารถเพิ่มการกินผัก ลดอาหารเป็นพิษ สารปนเปื้อน การเพิ้มกิจกรรมทางกาย และลดภาวะความชุกของโรคอ้วน
“โรงเรียนที่มีผลสำเร็จสูง มีปัจจัยร่วมคือผู้บริหารโรงเรียนให้การสนับสนุน ทำให้ทำงานได้ชัดเจน และครูแกนนำมีใจเต็มที่ไม่ติดภารกิจอื่นๆ และเด็กแกนนำเองมีศักยภาพช่วยคิดกิจกรรมตามวัย ช่วยครูแกนนำได้และพี่เลี้ยงแต่ละพื้นที่มีบทบาท” ชายกร กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ