ครูยุ่นเผยทีโอทีแจ้งกลับตรวจสอบบริการ 1900 ลามกแล้ว

ครูยุ่นเผยทีโอทีแจ้งกลับตรวจสอบบริการ 1900 ลามกแล้ว พร้อมสั่งปิด 30 วัน อ้างขอให้ความรู้เชิงวิชาการเลยอนุญาต และตรวจสอบตลอดแต่ไม่พบผิดปกติ ลั่นพร้อมปิดทุกเลขหมายที่รับแจ้ง ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมวอนผู้ปกครอง-ภาคประชาสังคมช่วยสอดส่องดูแล


ครูยุ่นเผยทีโอทีแจ้งกลับตรวจสอบบริการ 1900 ลามกแล้ว


จากกรณี นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่นเลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ออกมาเปิดเผยว่ามีการให้บริการเล่าเรื่องเพศสัมพันธ์ที่วิปริต ทั้งเรื่องร่วมเพศระหว่าง เด็กกับเด็ก พี่กับน้อง แม่กับลูก ซึ่งผิดทั้งศีลธรรม และกฎหมาย ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 1900xxxxxx และเรียกร้องให้ บ.ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้สัมปทานแก่เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบ และแสดงความรับผิดชอบนั้น


นายมนตรี กล่าวว่า เช้าวันนี้ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ของทีโอที ที่โทร.มาชี้แจงกรณีดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ที่ให้บริการลักษณะนี้ที่ตนได้รับแจ้งมา และบอกว่าจะนำไปตรวจสอบ จากนั้นก็โทรศัพท์กลับมาอีกครั้งหนึ่งบอกว่า เบื้องต้นทราบว่า เป็นเบอร์ที่ให้บริษัททางด้านการสื่อสารรายหนึ่งขออนุญาตเปิดให้บริการจากทีโอทีซึ่งตนได้สอบถามไปว่า ในสัญญาของทีโอทีอนุญาตให้ทำธุรกิจทำนองนี้ได้หรือ ก็ได้รับการชี้แจงว่า เดิมทีบริษัทดังกล่าวอ้างว่า เป็นการให้บริการความรู้ด้านเพศศึกษาในเชิงวิชาการ ทีโอทีจึงอนุญาตให้เปิดได้ และจากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม ทีโอทีขอบคุณครูยุ่นที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย จากนี้จะดำเนินการปิดให้บริการหมายเลขโทรศัพท์ 1900xxxxxx ที่ได้รับแจ้งมาทั้งหมด


“ทีโอทีควรมีเทคนิคที่ดีในการตรวจสอบและควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และควรเข้มงวดให้มีการระบุอัตราค่าใช้บริการเหล่านี้ให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้ว เด็กที่เข้าไปใช้บริการก็ต้องเสียเงินจำนวนมากโดยไม่รู้ตัว ถ้าปล่อยให้มีการขออนุญาตแบบหนึ่ง แล้วปล่อยให้เปิดให้บริการอีกรูปแบบหนึ่ง โดยไม่มีการตรวจสอบก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ ตนเห็นว่าควรมีการตรวจสอบการให้บริการหมายเลขพิเศษเหล่านี้ทั้งหมด ส่วนไหนที่เป็นความรู้เป็นประโยชน์ก็เก็บไว้ แต่ถ้าออกมาในลักษณะที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้ก็ควรจะไล่ปิด หรือยกเลิกสัญญาให้หมด” นายมนตรีกล่าว


ต่อมาผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสัญญา บ.ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้รับการชี้แจงว่า มีบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากทีโอทีให้เปิดใช้หมายเลขโทรศัพท์พิเศษซึ่งขึ้นต้นด้วย 1900 จำนวน 6 บริษัท ซึ่งขณะนี้ทีโอทีกำลังร่างหนังสือเตรียมส่งให้กับบริษัทดังกล่าว ให้ปิดการให้บริการดังกล่าวเป็นเวลา 30 วัน ทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ รวมถึงเลขหมายอื่นๆ ที่บริษัทนี้ขออนุญาตไว้ด้วย ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีอยู่ทั้งสิ้น 37 เลขหมาย


“ตามสัญญา ก่อนจะเปิดให้บริการต้องผ่านความเห็นชอบของทีโอทีก่อน ซึ่งกรณีนี้ตอนที่ขอเข้ามาได้แจ้งว่า เป็นการให้บริการให้คำปรึกษาทางด้านเพศในเชิงวิชาการ ทั้งนี้ ก่อนที่ทีโอทีจะพิจารณาให้อนุญาต บริษัทจะต้องส่งสคริปต์มาให้ดูก่อน ซึ่งสคริปต์ที่บริษัทส่งมาให้ทีโอทีพิจารณาล้วนใช้คำในเชิงวิชาการ ไม่ได้บอกว่า เป็นการเล่าประสบการณ์ทางเพศ ซึ่งถ้าเขาบอกว่าเป็นการเล่าประสบการณ์ทางเพศทีโอทีก็คงจะไม่อนุญาตให้เปิด”


แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ทีโอทีตรวจสอบเลขหมายพิเศษเหล่านี้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ อาจเนื่องจากบริษัทเหล่านี้ทราบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.เข้าไปเป็นของทีโอที จึงหาวิธีหลบหลีกได้ตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อพบว่าบริษัททำผิดสัญญาก็ต้องมีการลงโทษ ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551 ทีโอทีพบว่าบริษัทนี้ทำผิดสัญญา จึงให้ปิดบริการ 15 วัน และให้ขอเปิดใหม่เป็นบริการอื่น ปีนี้เมื่อตรวจสอบพบอีก ก็จะให้บริษัทปิดให้บริการดังกล่าว 30 วัน ทันทีที่ได้รับหนังสือ และถ้าจะขอเปิดใหม่ก็ต้องเป็นการให้บริการในลักษณะอื่น ไม่ใช่การเล่าประสบการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์อีก หรือถ้ายังก่อเหตุซ้ำอีก ก็จะให้ปิดเลขหมายทั้งหมดที่บริษัทขอไว้ โดยไม่คำนึงว่าเป็นบริการอะไรบ้าง หรือขั้นรุนแรงสุด คือยกเลิกสัญญา แต่ทั้งนี้ในสัญญาไม่ได้ระบุว่า จะมีการปรับเงิน หรือเอาผิดทางอาญาแต่อย่างใด


จากการตรวจสอบหมายเลขดังกล่าว ได้รับแจ้งจากปลายสายว่า ขณะนี้ได้ปิดปรับปรุง และจะเปิดบริการใหม่ในวันที่ 31 ก.ค.นี้


น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงโปรแกรมโทร. 1900xxxxxx ที่ให้บริการเล่าเรื่องเพศสัมพันธ์อย่างละเอียด ว่าประเด็นแรกที่วธ.ทำเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา คือทำร่วมกับภาคประชาสังคม มีการพูดถึงเรื่องโปรแกรม 1900 ขึ้นมา และเข้าสู่การแก้ไขปัญหาโดยมีหลายหน่วยงานเข้าร่วม เช่น มูลนิธิกระจกเงา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นต้น แต่เทคโนโลยีไม่เข้าใครออกใคร เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในมือของทุกคน แม้ว่าเราจะพยายามเขียนเสือให้วัวกลัวและจัดการแล้ว แต่ปัจจุบันยังเกิดขึ้น สิ่งที่กระทรวงทำหากภาคประชาสังคมไม่ให้ความร่วมมือ เหตุการณ์มันก็ยังคงอยู่ การจัดการแก้ไขปัญหาต้องเกิดจากการรวมพลังจากทุกภาคส่วน ทุกอย่างเราทำมาหมดแล้ว เข้าใจว่าสังคมก็รู้ว่าอะไรคือภัยต่อชีวิต บางครอบครัวก็มีความเข้มแข็งที่จะดูแลลูก แต่บางครอบครัวยังมีความอ่อนแออยู่ อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้เราเคยเตือนภัยให้ทั้งหมดแล้ว ในการที่จะมีองค์กรหรือภาคประชาสังคมเข้าร่วมก็เป็นเรื่องที่ดี



น.ส.ลัดดา กล่าวต่อว่า ทุกคนต้องยอมรับว่าปัญหาสังคมเกิดขึ้นมากมาย การที่เราจะมาเกี่ยงงอนหรือจะมาบอกว่าคนโน้นทำคนนี้ไม่ทำคิดว่ามันหมดเวลา ทุกคนเห็นปัญหาร่วมกันก็ต้องช่วยกันแก้ไข ต้องขอบคุณนายมนตรีที่มองประเด็นนี้ซึ่งกระทรวงไม่เคยเพิกเฉย แต่เรื่องวัฒนธรรมเป็นเรื่องของการดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตาย มีทั้งอนุรักษ์ ส่งเสริม พัฒนา ฟื้นฟู การที่ต้องแก้ไขปัญหาสังคมในยุคโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก สิ่งที่จะแก้ไขได้คือมีจิตสำนึก ซึ่งทำในหลายมิติ ให้ทุกคนมีค่านิยมที่ถูกต้อง ซึ่งมันอาจจะไม่ถูกโดยตรงแต่จะมีการใส่สาระสร้างภูมิคุ้มกันให้ภาคประชาสังคมไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือเยาวชน เช่น ค่ายเยาวชนอาสาสมัคร ค่ายเครือข่ายครอบครัว ค่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม เป็นต้น มุ่งเน้นให้ทุกคนในสังคมเป็นคนดี และยังทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นต้น


ขณะนี้มีสื่อที่ไม่ปลอดภัยจำนวนมาก ซึ่ง วธ.ได้ตั้งกองทุนสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์ขึ้นมาและผ่าน ครม.ไปแล้ว ในเรื่องของโปรแกรม1900 มันอยู่ในคณะกรรมการสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์ เป็นหน้าที่ของอนุกรรมการปราบปรามซึ่งคณะกรรมการสื่อฯ ตั้งขึ้นมาให้ตำรวจปราบปรามขจัดสื่อร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม นอกจากนั้นมีการวางระบบไว้แล้วในคณะกรรมการชุดนี้ทั้งขจัดสื่อร้ายขยายสื่อดี สร้างภูมิคุ้มกัน และตอนนี้เรามีคณะอนุกรรมการสื่อปลอดภัยฯ ลงไปถึงระดับจังหวัด ดูแลการเสพสื่อที่ไม่เหมาะสม รณรงค์ให้เกิดสื่อสร้างสรรค์ ทำทั้งบวกและลบ สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมีทั้งประโยชน์ และเรื่องของธุรกิจ คนที่ทำธุรกิจตรงนี้ก็ได้ประโยชน์โทร. 1900 อาจจะได้ประโยชน์กับคนกลุ่มหนึ่งที่มีอาการบำบัดทางจิต จึงจำเป็นต้องใช้ หากเด็กเข้าไปเสพมันก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่ต้องเข้าไปดูแล เชื่อว่าเด็กไม่ได้เข้าไปดูทุกคน ครอบครัวต้องหาอะไรให้เขาทำ มีกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว ซึ่งมันมีทางออกมากมาย” น.ส.ลัดดา กล่าว


ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังฯ กล่าวว่า อยากฝากให้ครอบครัวในสังคมมีความเข้มแข็ง ดูแลและเอาใจใส่เด็กและเยาวชน ให้ความรักความอบอุ่น ให้รู้เท่าทันสื่อ เด็กเองหากมีคนพูดคุยกับเขา ไม่เหงา ก็คงไม่เสียเวลาโทรศัพท์ การให้ข้อมูลในการดำเนินชีวิตก็ต้องอาศัยครอบครัวโรงเรียน ช่วยกันดูแล เด็กเองอยู่ในวัยรุ่น อยากรู้ อยากลอง อยากเห็น ช่องทางโทร. 1900 เขาก็อยากรู้ว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกัน ก็เป็นไปได้ พ่อแม่ควรสอดส่องดูแลเด็กด้วย เพราะเด็กเองก็ต้องขอเงินพ่อแม่ ในขณะที่โรงเรียนต้องสอนให้เด็กรู้ถึงปัญหาต่างๆ มีการอบรมอาสาสมัครเฝ้าระวัง ก็สามารถพัฒนาไปเป็นชมรมเฝ้าระวังได้ หากเกิดการขยับทุกภาคส่วนปัญหาจะลดน้อยลง ท้ายที่สุดจะไม่เกิดขึ้น เวลานี้จะไปโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าไม่ทำงานไม่ได้ เพราะทุกคนทำงานหนัก แต่ปัญหามันเกิดขึ้นรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก


 



ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ