ครอบครัวไม่เหนียวแน่น ฐานชีวิตไม่มั่นคง
สังคมอ่อนแอและเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนถึงสถาบันพื้นฐาน “ครอบครัว” ที่ความสัมพันธ์ไม่เหนียวแน่น ไม่อบอุ่นเช่นกาลก่อน ด้วยภาวะทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีทำให้ทุกคนห่างจากความเป็นครอบครัว พูดกันน้อยลง โลกส่วนตัวสูง
อีกสาเหตุหนึ่งคืออัตราการเกิดลดลง ทำให้ขนาดของครอบครัวเล็กลงเรื่อยๆ จากที่สังคมไทยเป็นลักษณะครอบครัวขยายมีปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา ฯ ปัจจุบันกลับกลายเป็นสังคมของครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น
เมื่อครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญของสังคม แต่ถ้ามีครอบครัวด้วยความไม่พร้อม ไม่ตั้งใจ อยู่ในสภาวะยากลำบาก เช่น ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ครอบครัวแม่วัยรุ่น ครอบครัวที่มีลูกพิการ ครอบครัวผู้สูงอายุ ครอบครัวที่มีรุ่นปู่ย่าตายายและรุ่นหลาน ฯลฯ สภาพของครอบครัวหรือคนที่เติบโตขึ้นมาจากครอบครัวลักษณะนี้จะเป็นอย่างไร
โครงการพัฒนาเครือข่ายครอบครัวลักษณะเฉพาะ ดำเนินการโดย มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ร่วมกับ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นการพัฒนากระบวนการสร้างเครือข่ายครอบครัวลักษณะเฉพาะ 3 กลุ่ม ได้แก่ ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ครอบครัวแม่วัยรุ่น ครอบครัวที่มีลูกพิการ ให้มีระบบการดูแลที่ส่งเสริมให้เข้าถึงระบบสวัสดิการและกองทุนที่มีอยู่ในชุมชนและสังคม และจัดการความรู้ให้ครอบครัวลักษณะเฉพาะ เพื่อการขยายผลและผลักดันให้เกิดนโยบายสำหรับครอบครัวลักษณะเฉพาะ เนื่องจากปัจจุบันปัญหามีจำนวนมากและทวีความรุนแรงขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อการดูแลช่วยเหลือครอบครัวลักษณะเฉพาะให้มีสุขภาวะและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
“ด้วย “ครอบครัวลักษณะเฉพาะเหล่านี้” มีปัจจัยที่ทำให้การทำหน้าที่ของครอบครัวน้อยกว่าครอบครัวทั่วไปทั้งการมีสัมพันธภาพ ทักษะการจัดการปัญหา การจัดการในภาวะวิกฤติ เช่น ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน ขาดทักษะการเป็นพ่อแม่ ใช้เวลาเลี้ยงดูลูกมากกว่าเด็กปกติ ภาวะความเครียดและการจัดการอารมณ์ ปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว ส่งผลให้เกิดความเปราะบางต่อการดำรงอยู่ของครอบครัว ดังนั้น การเสริมพลังให้ครอบครัวลักษณะเฉพาะมีความเข้มแข็ง สามารถดูแลและจัดการกับภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น จะนำไปสู่ความเข้าใจ การยอมรับ การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้น และส่งเสริมบทบาทและการทำหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวได้อย่างเหมาะสม” นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าว
จากสภาพปัญหาครอบครัวดังกล่าวมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวและเครือข่ายคนทำงานด้านครอบครัว ได้พัฒนาเครือข่ายครอบครัวลักษณะเฉพาะ 20 กลุ่ม ใน 5 จังหวัดนำร่องและ 2 พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร โดยการกำกับดูแล ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกำกับทิศทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ครอบครัวอบอุ่น ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ มาจากหน่วยงาน/ภาคียุทธศาสตร์ด้านครอบครัวที่สำคัญ เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานสถิติ ฯลฯ ที่มีภารกิจคือการขับเคลื่อนให้ยุทธศาสตร์ครอบครัวอบอุ่นถูกนำไปใช้ในองค์กรต่างๆ เพื่อให้ครอบครัวมีความอบอุ่นและเข้มแข็งเพิ่มขึ้น รวมถึงครอบครัวลักษณะเฉพาะด้วย
นายสุจิตต์ ไตรพิทักษ์ กรรมการกำกับทิศทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ครอบครัวอบอุ่น กล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วนครอบครัวอบอุ่น เป็น 1 ใน 10 ประเด็นเป้าหมายสำคัญของ สสส. และเน้นการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และชุมชนท้องถิ่น ให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยมียุทธศาสตร์สนับสนุนการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัวให้มีความอบอุ่นมากขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมที่เอื้อต่อการสร้างสุขภาวะของครอบครัว รวมถึงการให้ความสำคัญกับครอบครัวที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก ซึ่งสาเหตุที่เลือกพื้นที่ทำงานระดับจังหวัด เพราะจะได้มีความใกล้ชิดสามารถกระตุ้นให้เกิดการทำงานจริงในพื้นที่ อีกทั้งจังหวัดก็มีนโยบายและกลไกที่พร้อมจะให้การสนับสนุนงานครอบครัวให้ลงไปถึงประชาชน
“การลงพื้นที่ต้นแบบที่จังหวัดเลยเพราะมีเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งมาก และจากการไปเยี่ยม ครอบครัวแม่วัยรุ่น จำนวน 3 ครอบครัวจาก 20 ครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการพบว่าเด็กต้องทำหน้าที่เป็นแม่ทั้งๆ ที่อยู่ในวัยเรียน อายุระหว่าง 15-17 ปี และจากการพูดคุยกับแม่วัยรุ่นในความจริงยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว แต่เกิดจากการรักใคร่ในวัยหนุ่มสาว จนพลาดพลั้งตั้งครรภ์ และข้อมูลที่น่าตกใจคือแม่วัยรุ่นบางคนมีอีกสถานะหนึ่งคือการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะคนที่เป็นสามีและพ่อของเด็กเลิกร้างกันไป ฉะนั้นจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจและรีบแก้ไขไม่ให้กลุ่มแม่วัยรุ่นนี้ ท้องซ้ำ เพราะเห็นชัดเจนด้วยวุฒิภาวะและอายุ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสที่จะพลาดพลั้งได้อีก”
โดยทางมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวได้จัดพื้นที่เรียนรู้ให้กับครอบครัวลักษณะเฉพาะที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับครอบครัว เพื่อให้ครอบครัวได้แก้ปัญหาร่วมกัน เกิดงาน เกิดความร่วมมือ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมร้อยคนทุกเพศ ทุกวัย เป็นศูนย์ประสานงาน เกิดกิจกรรมในพื้นที่ มีปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อช่วยเหลือยามฉุกเฉิน เช่น ให้คำปรึกษา มีหลักสูตรการเรียนรู้ของครอบครัว ที่เหมาะสมตามแต่ละประเด็นและยังมีเครือข่ายในการหนุนเสริม มีแนวคิดกระบวนการส่งเสริมจิตอาสาที่สามารถลงไปให้การช่วยเหลือในพื้นที่ได้
“ครอบครัว” ถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทยคือวันที่ 14 เมษายน ขณะที่สหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 15 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันครอบครัวสากลเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่าและความสำคัญของครอบครัว เพราะเชื่อว่าสังคมที่ดีควรเริ่มต้นมาจากครอบครัวที่อบอุ่น เมื่อพบปัญหา อุปสรรค ความทุกข์ ครอบครัวจะอ้าแขนรับ และเป็นผู้มอบความรัก ความเข้าใจ กำลังใจให้สมาชิกในครอบครัว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสังคมในด้านต่างๆ ได้อย่างดียิ่ง
ด้วยสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีผลต่อประชากร คำว่าครอบครัวอบอุ่นไม่ได้หมายถึงครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกสมบูรณ์เท่านั้นจึงจะอบอุ่น แต่ครอบครัวอบอุ่นคือ ครอบครัวที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนไม่ว่าจะมีองค์ประกอบครบหรือไม่ มีลักษณะเฉพาะหรือไม่สมบูรณ์อย่างไร ครอบครัวทุกครอบครัวควรจะได้มีเวลาคุณภาพ มีพื้นที่ และมีกิจกรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในวันครอบครัวที่จะมาถึงนี้
ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต