ครอบครัวเป็นสุข เมื่อปลูกรักถูกวิธี

"การสื่อสารที่ดี ต้องเริ่มจากการเป็นผู้ฟังที่ดี นั่นคือต้องหันมามองหน้าคนที่พูดด้วย ไม่ส่งเสียงรบกวนขณะที่ฟัง และแสดงความรู้สึกสนอกสนใจ"


ครอบครัวเป็นสุข เมื่อปลูกรักถูกวิธี thaihealth


การสร้าง "ครอบครัวเป็นสุข" ซึ่งเป็นหนึ่งใน Happy 8  โมเดลของ สสส. ซึ่งในหลายบริษัทที่เข้าใจการเชื่อมโยงของปัจจัยในการสร้างสุขในองค์กร ก็จะให้ความสำคัญกับการสร้างสุขในครอบครัวให้พนักงานด้วย


เพราะอย่างที่ทราบว่า เมื่อใดที่พนักงานมีความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันภายในครอบครัว ลูกๆ ทะเลาะกัน ไม่เรียนหนังสือ พูดจาไม่เข้าหู พ่อแม่ไม่มีเวลาพูดคุยกับลูก หรือชอบดุด่าว่ากล่าวลูก ก็ล้วนแต่ส่งผลทำให้พนักงานมาทำงานอย่างไม่สดชื่น แจ่มใส เต็มไปด้วยความกังวล เรียกง่ายๆ ว่า อยู่ในสภาพ ไม่พร้อมที่จะทำงาน  แต่หากพนักงานสามารถบริหารจัดการเรื่องครอบครัวได้ดี ก็จะสามารถตะลุยงานได้อย่างสนุกสนานตามไปด้วย


แล้วจะทำอย่างไรให้ครอบครัวเป็นสุข เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนได้ไปเข้าร่วมฟังการสัมมนา หัวข้อ "ครอบครัวเป็นสุข เมื่อปลูกรักอย่างถูกวิธี" ซึ่ง คุณหมอวนัทดา ถมค้าพาณิชย์ จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ ได้ให้เทคนิคที่สามารถนำไปใช้ทั้งในครอบครัว และในที่ทำงาน ไม่ว่าจะกับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ก็สามารถ ใช้วิธีเดียวกันนี้ได้ จึงขอนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณหมอมาถ่ายทอดต่อให้ท่านผู้อ่าน


คุณหมอได้เริ่มต้นบรรยายด้วยการให้ดูภาพบ้านหลังใหญ่ ที่เสาบ้านหลายต้น ผุพัง ต่อด้วยภาพบ้านแตก ที่ทำให้เห็นความสำคัญของการที่คนในครอบครัวจะต้องช่วยกันสร้างเสาของบ้านให้แข็งแกร่ง มิเช่นนั้นบ้านก็จะลุกเป็นไฟ ซึ่งคุณหมอบอกว่า สังคมในปัจจุบันนี้ น่าเป็นห่วง เนื่องจากหลายครอบครัวไม่มีเวลามาช่วยกันทำ เสาบ้านให้แข็งแรง โดยภาพที่คุณหมอได้ฉาย และสะท้อนถึงรากของปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวปัจจุบันนั้น คือ ภาพที่สมาชิกในครอบครัวก้มหน้าก้มตาอยู่กับสมาร์ทโฟนกันทุกคน รวมทั้งเวลาก่อนนอน จนทำให้ เจ้าตูบ สัตว์เลี้ยงที่อยู่ด้วยอดรนทนไม่ไหว เพราะไม่มีคนคุยคนเล่นด้วย เลยต้องคว้าโซเซียลมีเดียมาเล่นบ้าง


อย่างไรก็ตามคุณหมอท่านยอมรับว่า การห้ามการเล่นโซเซียลมีเดีย ในโลกยุคนี้คงทำได้ยากมาก เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลในการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่หากทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการมีครอบครัวแข็งแกร่ง ที่จะต้องมีพื้นฐานของการเอาใจใส่ ดูแล การสื่อสารกันแบบเผชิญหน้า ได้พูด ได้คุย ได้สบตา สัมผัสถึงกัน ก็ควรเริ่มต้นสร้างความเปลี่ยนแปลง ที่ดีให้กับครอบครัว ด้วยการแบ่งเวลามาคุยกัน และ ทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างน้อย วันละ 15 นาที


สำหรับเทคนิคการสร้างสุขในครอบครัว คุณหมอวนัทดา แนะนำหลัก 5 ประการ ที่สามารถนำไปใช้ในที่ทำงานได้ด้วย นั่นคือ


1.การเป็นผู้ฟังที่ดี โดยบอกว่า การสื่อสารที่ดี ต้องเริ่มจากการเป็นผู้ฟังที่ดี นั่นคือต้องหันมามองหน้าคนที่พูดด้วย ไม่ส่งครอบครัวเป็นสุข เมื่อปลูกรักถูกวิธี thaihealthเสียงรบกวนขณะที่ฟัง และแสดงความรู้สึกสนอกสนใจ อย่างในบ้าน แม่ที่เอาแต่ พิมพ์คอมพิวเตอร์ เมื่อลูกนำงานก็มาโชว์ให้ดู หรือถามไถ่ ก็ไม่สน ทำให้การสื่อสารล้มเหลว และลูกจะไม่อยากคุยหรือถามอะไรด้วยอีก


2.สื่อสารด้วยภาษากายไปพร้อมๆ กัน โดย ไม่ว่าจะเป็นการมองตาผู้ที่เราสื่อสารด้วย การขยับ แขนขาที่สื่อให้เห็นว่า สิ่งที่ลูกหรือคนในครอบครัวพูดด้วยนั้น มีความสำคัญ


3.การสื่อสารที่ดี ควรมีการตั้งคำถามในเรื่องที่สนทนาบ้างไม่ใช่ฟังเฉยๆ แล้วก็จบ ๆ ไป


4. ส่วนใหญ่เราจะชินกับการใช้ you Message ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกน้อยใจ โมโห ไม่ชอบใจ เช่น แม่พูดกับลูกว่า "ไปไหนมา ไปเที่ยวมาล่ะสิ บ้านช่อง มีไม่รู้จักกลับ" ทั้งที่จริงๆ แล้ว ผู้พูดนั้นเป็นห่วงลูกมาก แต่คำพูดที่มุ่งไปที่ you กลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง ทว่าหากใช้ I message จะทำให้การสื่อความห่วงใยนั้นไปถึงลูกได้ เช่น "แม่รู้สึกเป็นห่วงลูก แม่อยาก ให้ลูกกลับบ้านเร็ว กว่านี้เราจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน"


5.การสื่อสารเชิงบวก เช่น มีการขอบคุณ ชมเชยในสิ่งที่คนในครอบครัวทำสำเร็จ หรือหากจะตำหนิก็ควรจะตำหนิไปที่พฤติกรรม มากกว่าที่ตัวบุคคล เช่น แทนที่จะตำหนิลูกว่า เอาเปรียบน้อง ก็พูดว่า งานจะสำเร็จได้เราต้องช่วยกันนะลูก เป็นต้น


สำหรับผู้เขียน ซึ่งมีบทบาททั้งเป็นแม่ ลูก และ ภริยา รวมถึงเป็นหัวหน้างาน และลูกน้องใน คราวเดียวกัน ก็พบว่า เทคนิคที่คุณหมอวนัทดา ได้ให้ไว้นั้นใช้ได้ผลมากทีเดียว หากไม่เชื่อท่านลองวาง มือถือลง แล้วหันมาพูดคุยสื่อสารกับคนในครอบครัวตามหลัก 5 ข้อ ที่คุณหมอให้ไว้ดู ได้ผลอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังได้.


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย พิมพร ศิริวรรณ


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code