คนไทยไม่อ่านฉลากแปรงสีฟันก่อนซื้อ
กรมอนามัยเผยคนไทยไม่อ่านฉลากแปรงสีฟันก่อนซื้อ หวั่นกระทบปัญหาสุขภาพฟัน เตือนแปรงสีฟันด้วยขนแปรงแข็งเสี่ยงทำให้เหงือกร่น แนะวิธีเลือกแปรงเพื่อสุขภาพฟันที่ดี
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า พฤติกรรมในการแปรงฟันของประชาชนส่วนใหญ่พบว่า ร้อยละ 98 แปรงฟันตอนเช้า แปรงก่อนนอนร้อยละ 78 ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หลังอาหารกลางวัน พบว่ามีการแปรงฟันน้อยมากไม่ถึงร้อยละ 10 และจากผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากของคนไทยในปี 2554 จำนวน 3,391 คน พบว่ากลุ่มตัวอย่างเลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มหรือนุ่มพิเศษ ร้อยละ 52 เลือกใช้ขนนุ่มปานกลาง ร้อยละ 41 และเลือกใช้ ขนแปรงแข็ง ร้อยละ 6
นอกจากนี้ ยังพบว่าไม่เคยอ่านข้อมูลในฉลากแปรงสีฟัน ร้อยละ 57 ทั้งๆที่แปรงสีฟันเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศ ให้แปรงสีฟันทุกยี่ห้อทุกรุ่น ต้องระบุข้อมูลให้เพียงพอต่อการเลือกซื้อแปรงสีฟันของประชาชน คือ 1.ความอ่อนแข็งของขนแปรง 2.ลักษณะปลาย ขนแปรง เช่น ปลายมน ปลายเรียวแหลม 3.วัสดุที่ใช้ทำขนแปรงและด้ามแปรง 4.วิธีใช้ ข้อแนะนำ และ 5.แปรงสีฟันเด็กต้องระบุ กลุ่มอายุที่เหมาะสม บนฉลากด้วย เช่น ต่ำกว่า 3 ปี 3-6 ปี 6-12 ปี เป็นต้น
"การเลือกซื้อแปรงสีฟัน ควรดูที่ขนแปรงเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสฟันและเหงือกโดยตรงในการกำจัดคราบจุลินทรีย์ ซึ่งการวิจัยยืนยันว่าขนแปรงชนิดแข็ง ปานกลาง นุ่ม สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ได้เหมือนกัน โดยผู้ใช้อาจรู้สึกว่าขนแปรงแข็งทำความสะอาดฟันได้ดีกว่า แต่ขนแปรงชนิดแข็งจะทำอันตรายต่อเหงือกและทำให้ เหงือกร่นตามมา และยังทำให้วัสดุ อุดฟันบางประเภทเสียหายได้ ในขณะที่ขนแปรงชนิดปานกลางหรือนุ่มปานกลางอาจมีผลเช่นเดียวกับขนแปรงแข็งหากใช้วิธีแปรงฟันที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ให้เปลี่ยนมาใช้ขนแปรงนุ่มปลอดภัยที่สุด ส่วนการเลือกใช้ยาสีฟันควรผสมฟลูออไรด์ไม่เกินร้อยละ 0.11 โดยน้ำหนัก หรือ 1,100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (พีพีเอ็ม) ใช้เวลาแปรงฟัน 2 นาทีขึ้นไป เพื่อให้ฟลูออไรด์สัมผัสกับ ผิวฟันได้อย่างเต็มที่ ส่วนในเด็กเล็กไม่ควรให้บีบยาสีฟันเอง เพราะหากได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จะทำให้ฟันตกกระได้" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ขอบคุณภาพประกอบ http://2013.dentalblissbangkok.com