คนไทยป่วย`โรคซึมเศร้ากว่า 1.1 ล้านคน

ที่มา :  เว็บไซต์ไทยรัฐ


พบคนไทยป่วย'โรคซึมเศร้า'กว่า 1.1 ล้านคน ยังไม่ได้รักษา thaihealth


แฟ้มภาพ


          กรมสุขภาพจิตเผยปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชในไทยพบการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วของสังคมเสี่ยงโรคซึมเศร้ามากขึ้น ซึ่งพบผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากว่า 1.1 ล้านคนยังไม่ได้รับบริการ…


          เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2557 ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ครั้งที่ 13 การประชุมวิชาการสุขภาพจิตและจิตเวชเด็กครั้งที่ 1 และการประชุมวิชาการวิกฤติสุขภาพจิต ครั้งที่ 5 ประจำปี 2557 เรื่อง "สังคมเปลี่ยนไว ใส่ใจสุขภาพจิต" (Rapid Social Change and mental Health) ซึ่งจัดขึ้น โดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ 4-8 ส.ค. 2557 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพลส จ.เชียงใหม่ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานและผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ ได้แลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยี ทักษะ แนวคิดและประสบการณ์การทำงานด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ที่จะช่วยเตรียมความพร้อมด้านจิตใจให้กับประชาชนในประเทศชาติ เพื่อการมีสุขภาพจิตที่ดี อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคม


          นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย มีการคาดการณ์ว่า ประชากรทั่วโลกถึง 1 ใน 4 หรือประมาณ 450 ล้านคนมีปัญหาจิตเวชในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการอยู่ร่วมกันในสังคม การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วของสังคม นับเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาสุขภาพจิต ทั้งนี้ แม้ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่กลับพบว่า การเข้าถึงบริการยังคงอยู่ในระดับต่ำ เช่น โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวช ที่พบว่าจะมีการจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า รวมทั้งจะก่อให้เกิดความสูญเสียด้านสุขภาพของประชากรโลกเป็นเท่าตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยในประเทศไทย โรคซึมเศร้าเป็นสาเหตุสำคัญ อันดับที่ 4 ของการศูญเสียสุขภาวะในผู้หญิงไทย และเป็นอับดับ 10 ในผู้ชายไทย ซึ่งจากรายงานของกรมสุชภาพจิต พบว่า มีอัตราการเข้าถึงเพียงร้อยละ 32.23 โดนคาดว่า ยังมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอีกกว่า 1.1 ล้านคนยังไม่ได้รับบริการ


          หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงสาธารณสุข คือการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี เข้าถึงบริการได้ง่าย ได้รับบริการที่ดีกว่า มีคุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมกันทั่วประเทศ (Better service) ภายใต้แนวคิด "ได้พบหมอรอไม่นาน อยู่ใกล้ไกล ได้ยาเดียวกัน" โดยใช้ยุทธศาสตร์บริหารจัดการร่วมกันเป็นเขตบริการสุขภาพ 12 เขตและ กทม. เป็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางออกไปที่เขต เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดและรู้ปัญหาของพื้นที่ได้ดี ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ตลอดจนเป็นการขยายผลไปถึงเครือข่ายบริการสุขภาพระดับอำเภอ เพื่อสร้างเข้มแข็งให้กับระบบการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมโรค ลดการเจ็บป่วย และมีคุณภาพการรักษาที่ดีขึ้น รองปลัด สธ.กล่าว


          ด้าน นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ทุกคนมีโอกาสป่วยทางจิต แต่สามารถรักษาได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม ส่งผลต่อสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ละปีพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยทางจิตเพิ่มมากขึ้น และจากการสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตระดับชาติ พ.ศ. 2551 พบว่า ความชุกของปัญหาสุขภาพจิตหลัก มีถึงร้อยละ 14 ได้แก่ โรคติดสุราและยาเสพติด โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคจิต การดูแลสุขภาพจิตและการเข้าถึงบริการจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ในปี 2558 กรมสุขภาพจิตได้เตรียมเพิ่มคุณภาพระบบบริการโรคจิตเวชที่สำคัญในระบบสาธารณสุข เน้นการคัดกรอง บำบัดรักษาและติดตามเฝ้าระวังอย่างตือเนื่อง ตลอดจนป้องกันปัญหาในกลุ่มประชาชนทั่วไป กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่ป่วย ภายใต้การดำเนินงานสุขภาพจิตในเขตบริการสุขภาพของประเทศ โดยจะพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของระบบริการควบคุมไปกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่เครือข่ายบริการสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชสามารถเข้าถึงและได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนมีระบบสารสนเทศการบริการผู้ป่วยจิตเวชในเขตบริการสุขภาพที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และเชื่อมโยงกันได้อย่างเป็นระบบทั้งประเทศ.

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ