คนไทยต่าง’วัย’บริโภคข่าว ทีวีแชมป์-เฟซบุ๊กพุ่งแรง
ความต้องการบริโภคข่าวสารของสังคมไทยทุกวันนี้มีเพิ่มขึ้นอย่าง เห็นได้ชัด สะท้อนจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนชั่วโมงการรายงานข่าวสารของสื่อโทรทัศน์ที่ เพิ่มขึ้น กระทั่งมีบางสถานีที่เป็นสถานีข่าวสาร 24 ชั่วโมง รวมทั้งชั่วโมงข่าวยังถูกบรรจุให้อยู่ในช่วงไพรม์ไทม์ และมีอัตราค่าขายโฆษณาในระดับสูงอีกด้วย
ยิ่งเวลานี้เทคโนโลยีสื่อสารพัฒนาอย่างก้าวกระโดด รูปแบบการรับข่าวสารของผู้บริโภคก็รวดเร็วตามไปด้วย โดยรับข่าวสารจากช่องทางใหม่ ๆ ที่เรียกว่า สื่อใหม่ เพิ่มเติมจากช่องทางหรือสื่อดั้งเดิม น่าสนใจว่าพฤติกรรมการรับ “ข่าว” ของผู้บริโภคที่มีหลากหลายวัยนั้น มีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร และมีแนวโน้มไปในทิศทางใด
ผศ.ดร.บุบผา เมฆศรีทองคำ และอาจารย์ขจรจิต บุนนาค คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ร่วมวิจัยเรื่อง “พฤติกรรมการบริโภคข่าวของคนต่างวัยในสังคมไทย” ให้สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สถาบันอิศรา โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และได้รายงานการวิจัยชิ้นนี้ ในการประชุมเครือข่ายนักวิชาการและวิชาชีพสื่อมวลชน ประจำปี 2556 ยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตวารสารศาสตร์ ครั้งที่ 5 ตอน “คนเปลี่ยน สื่อปรับ รุก-รับ อย่างไร” ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา
งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยทางวิชาการเต็มรูปในเชิงพื้นที่ และกลุ่มประชากรที่เป็นตัวแทนผู้บริโภคชาวไทยในช่วงวัยต่างๆ ว่ามีพฤติกรรมการบริโภคข่าวเป็นอย่างไร และแนวโน้มเป็นไปในทิศทางไหน โดยเลือกเก็บข้อมูลจากจังหวัดตัวแทนภาคต่างๆ และกรุง เทพฯ เพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศ รวม 1,750 คน แล้วจำแนกเป็น 3 ช่วงวัยคือ วัยเรียน (อายุ 18-24 ปี) วัยทำงาน (อายุ 25-49 ปี) และวัยอาวุโส (อายุ 50 ปีขึ้นไป) แล้วศึกษาพฤติกรรมการบริโภคข่าวผ่านสื่อกลุ่มใด คือ สื่อดั้งเดิม 4 ประเภท (ได้แก่ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และนิตยสารข่าว) หรือสื่อใหม่ 9 ประเภท (ประกอบด้วย หนังสือพิมพ์ออนไลน์ วิทยุออนไลน์ โทรทัศน์ออนไลน์ เคเบิลทีวี อินเตอร์เน็ตทีวี โทรทัศน์ดาวเทียม เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และบล็อก)
ผศ.ดร.บุบผา ชี้ผลการวิจัยที่น่าสนใจว่า ในภาพรวมของทุกกลุ่มอายุ รับข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์มาเป็นอันดับหนึ่งเหมือนกันหมด ขณะที่อันดับ 2 และ 3 ในแต่ละกลุ่มอายุแตกต่างกันไป โดยในกลุ่มวัยเรียน รับข่าวผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก มาเป็นอันดับ 2 และทางหนังสือพิมพ์เป็นอันดับ 3 ส่วนคนวัยทำงานรับข่าวอันดับ 2 ทางหนังสือพิมพ์ และอันดับ 3 คือเฟซบุ๊ก ขณะที่คนสูงวัยรับข่าวทางหนังสือพิมพ์มาเป็นอันดับ 2 และผ่านช่องทางเคเบิลทีวีเป็นอันดับ 3
นั่นคือโทรทัศน์ซึ่งเป็นสื่อดั้งเดิม ยังคงเป็นช่องทางที่คนรับข่าวมากที่สุดและในทุกช่วงวัย สะท้อนให้เห็นว่า พลังของสื่อโทรทัศน์ยังคงมีอิทธิพลในกลุ่มผู้บริโภคในระดับสูง และยังครอบคลุมในทุกช่วงวัย แม้จะเผชิญหน้าความท้าทายจากสื่อใหม่ในเวลานี้ก็ตาม
อย่างไรก็ตามในกลุ่มคนวัยเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยที่เคลื่อนตัวสู่ยุคข้อมูลข่าวสารได้เร็วกว่าช่วงวัยอื่น นั้น ระบุบริโภคข่าวผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งเป็นสื่อในเครือข่ายสังคม (social network) มาเป็นอันดับ 2 บ่งบอกถึงแนวโน้มพฤติ กรรมการรับข่าวของคนรุ่นใหม่ มากกว่าการรับข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งตามมาเป็นอันดับ 3 ซึ่งน่าติดตามว่าในช่วงถัดไปเมื่อคนกลุ่มวัยเรียนมีอายุเพิ่มขึ้นขยับไปเป็น กลุ่มวัยทำงานแล้วนั้นจะยังรับข่าวผ่านสื่อใหม่ในเครือข่ายสังคมเป็นอย่างไร เข้มข้นขึ้นหรือจะเปลี่ยนไปรับข่าวจากสื่อโทรทัศน์ที่ครองแชมป์อยู่เวลานี้
สื่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อดั้งเดิมนั้นยังครองใจผู้อ่านในกลุ่มวัยทำงานและวัยอาวุโส ที่ถูกเลือกใช้เป็นช่องทางการรับ “ข่าว” เป็นอันดับ 2 รองจากสื่อโทรทัศน์ ขณะที่คนวัยทำงานเริ่มรับข่าวทางสื่อใหม่มากขึ้น โดยรับข่าวจากเฟซบุ๊กมาเป็นอันดับ 3 ส่วนคนวัยอาวุโสซึ่งในช่วงอายุดังกล่าวอยู่ในกลุ่มงานระดับบริหาร หรืองานที่ไม่ต้องใช้พละกำลังมาก และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เกษียณจากงานอาชีพไปแล้วนั้น รับข่าวจากช่องทางเคเบิลทีวี มาเป็นลำดับ 3 ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการเปิดเครื่องรับโทรทัศน์ เพื่อติดตามรายการฟรีทีวี หรือช่องเคเบิลทีวี ต่อเนื่องทั้งวัน เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงาระหว่างทำกิจวัตรประจำวัน และรับรู้ข่าวสารไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้ ในงานวิจัยไปศึกษาลงลึกจำแนกเป็นรายภูมิภาค และแบ่งตามช่วงอายุของผู้บริโภคหรือผู้รับสาร ซึ่งมีความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในประเด็นแนวโน้มการบริโภคสื่อในอนาคตนั้น ในกลุ่มสื่อดั้งเดิมผู้บริโภคระบุจะเลือกบริโภคทางโทรทัศน์เป็นอันดับแรก ถัดมาคือหนังสือพิมพ์ ซึ่งสื่อดั้งเดิมทั้งสองนี้มีคุณลักษณะโดดเด่นที่แตกต่าง โดยโทรทัศน์สามารถเสนอทั้งภาพและเสียง และในปัจจุบันออกอากาศครอบคลุมทุกพื้นที่ จึงเป็นสื่อที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชมสูง ขณะที่หนังสือ พิมพ์นั้นสามารถให้รายละเอียดของเรื่องราวได้ดี ใช้เก็บเพื่ออ้างอิงซ้ำได้
ส่วนในกลุ่มสื่อใหม่นั้น ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเลือกบริโภคข่าวผ่านเฟซบุ๊ก มาเป็นอันดับ 1 ในทุกช่วงวัย ส่วนอันดับ 2 นั้นกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานยังคงสนใจเฟซบุ๊ก ขณะที่ในกลุ่มวัยอาวุโสจะเน้นเคเบิลทีวีมาเป็นอันดับ 3 เนื่องจากเฟซบุ๊กเป็นสื่อใหม่ที่สามารถนำเสนอเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ เข้าถึงกลุ่มผู้รับอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตามในด้านความคาดหวังต่อเนื้อหาข่าวนั้น ผู้บริโภคทุกช่วงวัยต่างคาดหวังเนื้อหาข่าวที่ทันสมัยทันต่อเหตุการณ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจต่าง ๆ ของผู้บริโภค ซึ่งจะตัดสินใจได้ถูกต้องนั้น เนื้อหาข่าวต้องถูกต้องตรงกับความเป็นจริงด้วย รวมทั้งเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า การมีทางเลือกช่องทางรับข่าวที่หลากหลายมากขึ้นนี้ ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเลือกบริโภคข่าวตามความชอบหรือตรงกับทัศนคติของตนเอง มากขึ้น อาจทำให้ยิ่งจำกัดวงตนเองในการรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้นก็เป็นได้
งานวิจัยพฤติกรรมการรับข่าวของสังคมไทยของอาจารย์บุบผาและคณะชิ้นนี้ ตอกย้ำถึงช่องทางสื่อต่างๆ ทั้งแบบดั้งเดิมและสื่อใหม่ ที่เป็นตัวกลางนำสารไปสู่ผู้บริโภคที่มีอย่างหลากหลาย โดยสื่อโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อยอดนิยมในท่ามกลางกระแสของยุคสื่อใหม่ ซึ่งไม่แปลกที่จะเห็นการเตรียมตัวอย่างคึกคักขององค์กรสื่อหรือธุรกิจผู้ เกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อหา ต่างตื่นตัวกันอย่างคึกคัก ที่จะเข้าสู่สนามโทรทัศน์ที่เปิดกว้างขึ้นในการก้าวสู่โทรทัศน์ดิจิตอล
ขณะเดียวกันองค์กรสื่อทั้งหลายต่างปรับตัวทั้งรับมือผลกระทบ หรือแปลงรูปสารเดิมของตนเองให้ผ่านช่องทางสื่อใหม่ที่หลากหลาย เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้าหรือผู้รับสารใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยายจากสื่อสิ่งพิมพ์สู่หนังสือพิมพ์ดิจิตอล การต่อยอดสู่สำนักข่าวออนไลน์ และอื่น ๆ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า ในอนาคตจะมีโฉมหน้าเป็นประการใด
อย่างไรก็ตาม การศึกษาผู้บริโภคหรือผู้รับ “สาร” ที่ก็มีการ “เปลี่ยน” ไปเช่นกันนั้น งานวิจัยนี้เป็นการบุกเบิกในลักษณะการวิจัยทางวิชาการถึงตัวผู้บริโภคอย่าง จริงจังครั้งแรกๆ ซึ่งยังมีแง่มุมหรือประเด็นที่สามารถต่อยอดการศึกษาต่อไป เพื่อให้เห็นภาพผู้บริโภคข่าวที่ชัดเจนยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคต เช่น พฤติกรรมการบริโภคข่าวของคนต่างฐานะมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร นำมาซึ่งทัศนคติในชีวิตที่ต่างกันหรือไม่อย่างไร เป็นต้น
เพราะการเปลี่ยนผ่านของเทคโน โลยีสารสนเทศเวลานี้ ส่งผลสะเทือนให้ต้องขยับปรับเปลี่ยนทางด้านกระบวน การผลิต/เสนอข่าว และทางฝั่งผู้บริโภคที่ก็เลือกรับข่าวอย่างแปลกใหม่หลากหลาย ทางไหนที่ยังตรงใจผู้รับก็จะยังคงอยู่ต่อ ส่วนช่องทางไหนที่ผู้บริโภคไม่เลือก ก็ต้องถดถอยและเลือนลางจางหายไปในที่สุด
“กลุ่มวัยเรํยนรับข่าวผ่านเฟซบุ๊กมาเป็นอันดับ 2 และทางหนังสือพิมพ์เป็นอันดับ 3″
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ โดยอรุณ ลอตระกูล