“คนไทยขอมือหน่อย” คนละไม้คนละมือ เพื่อสังคมน่าอยู่
มูลนิธิเพื่อ “คนไทย” มหามวลมิตรการพัฒนาประเทศไทย จัดงานรวมพลจิตอาสาครั้งแรกของไทย “คนไทยขอมือหน่อย” 2-3 มี.ค.นี้ เผยผลสำรวจคนไทยมอนิเตอร์ฯ ปีล่าสุด พบเสียงสะท้อนประชาชนกำลังเผชิญปัญหาหลากหลายตั้งแต่ปัญหาปากท้อง ครอบครัว มลภาวะ ความขัดแข้งทางการเมือง คอรัปชั่น แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการมีส่วนร่วมจากประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน สสส. ชี้คนไทยมีน้ำใจ ต้องชูให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่าง หนุนสร้างสังคมจิตอาสา พร้อมเปิด TIMEBANK ธนาคารรับฝากเวลาอาสาสมัครจิตอาสา
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มูลนิธิเพื่อ “คนไทย” ร่วมกับมหามวลมิตรการพัฒนาประเทศไทย อันได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายองค์กรต่างๆ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “คนไทยขอมือหน่อย คนละไม้คนละมือเพื่อสังคมน่าอยู่”
นายวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อ “คนไทย” กล่าวว่า ปัจจุบันการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความอยู่ดีมีสุขในสังคมได้ จากการสำรวจความคิดเห็นคนไทย 100,000 คนทั่วประเทศโดยโครงการ “คนไทย” มอนิเตอร์ เสียงนี้มีพลัง เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยและภาพรวมของการพัฒนาประเทศ พบว่าสังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน รายได้ที่ไม่พอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ปัญหาสภาวะแวดล้อมทางมลภาวะอากาศ น้ำเสีย และภัยพิบัติ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของคนในชาติที่ส่งผลกระทบให้เกิดความเครียดและความกดดันทางการเมือง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมือง ตลอดจนปัญหาการใช้เวลากับคนในครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีเวลาให้บุตรหลาน
“จากเสียงสะท้อนเรื่องการมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในทิศทางที่ดีขึ้นของประชาชนพบว่า ร้อยละ 71 เห็นว่าการมีส่วนร่วมคือการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การไม่สร้างปัญหาให้แก่สังคมและประพฤติตนให้ถูกต้องเหมาะสม ยึดถือในศีลธรรม จริยธรรมและคุณงามความดี เป็นต้น ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 16 จะให้ความร่วมมือในกิจกรรมการพัฒนาชุมชน/สังคม เสียงสะท้อนดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า สังคมไทยยังต้องการประชาชนคนไทยจากทุกภาคส่วนมาร่วมมือ ลงมือปฏิบัติให้เกิดการพัฒนาเพื่อความอยู่ดีมีสุขที่ยั่งยืนของสังคมไทย”ประธานมูลนิธิฯ ชี้แจง
นายวิเชียร กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม มูลนิธิฯ จึงได้ร่วมกับ มหามวลมิตรการพัฒนาประเทศไทย อันได้แก่ สสส. และภาคีเครือข่ายองค์กรต่างๆ จัดงาน “คนไทยขอมือหน่อย คนละไม้ คนละมือ เพื่อสังคมน่าอยู่” ในวันที่ 2-3 มีนาคมนี้ ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาสังคม ที่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เข้าถึง และเห็นต้นแบบของงานพัฒนาสังคม เพื่อนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศน์ที่มีประชาชนคนไทยช่วยกันขับเคลื่อนให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่” ประธาน เผย
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า งาน “คนไทยขอมือหน่อยฯ” ถือเป็นเทศกาลรวบรวมคนลงมือครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดของไทย มีองค์กรที่ทำงานเพื่อสังคมมากกว่า 200 แห่ง การจัดงานครั้งนี้สอดคล้องกับผลสำรวจดังกล่าวที่ สะท้อนคุณสมบัติที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย คือ ความมีน้ำใจ ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น สสส. มีส่วนร่วมผลักดันสังคมไทยเป็น “สังคมจิตอาสา” ปลูกฝังแนวคิดจิตอาสาให้กับประชาชนเป็น “พลเมืองอาสา” หรือ Active Citizen ที่พร้อมจะช่วยเหลือและพัฒนาสังคมในทุกสถานการณ์ โดยได้ร่วมกับมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม พัฒนาระบบสนับสนุนโอกาสการเข้าถึงงานอาสาคือ ธนาคารจิตอาสา (TIMEBANK) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงของประชาชนที่สนใจอยากทำงานช่วยเหลือสังคม ซึ่งขณะนี้มีอาสาสมัครมาลงทะเบียนฝากจำนวนเวลาที่อยากทำงานอาสาสมัครเกือบ 60,000 ชั่วโมง นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกระเบียบสนับสนุนให้ข้าราชการมีสิทธิลางานไปทำงานอาสาสมัคร และโรงเรียนได้กำหนดชั่วโมงการทำงาน อาสาให้แก่นักเรียนด้วย
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ในฐานะประธานการจัดงาน กล่าวว่า “จิตสานึก แบ่งได้เป็น
1.จิตสำนึกทำเพื่อตนเอง และ 2. จิตสำนึกทำเพื่อส่วนร่วม หากทั้งคิดและลงมือทำเพื่อส่วนร่วมโดยเสียสละส่วนตนไม่ว่าจะลงมือทำ หรือสละทรัพย์สินเพื่อผู้อื่นจะเรียกว่าความมีจิตสาธารณะ ซึ่งคนไทยเป็นผู้ที่มีลักษณะของจิตสาธารณะอยู่เป็นทุนเดิม เห็นได้จากองค์กรเพื่อสังคมมีมากกว่า 30-40 ปี เห็นได้ว่าสังคมที่ประชากรนึกถึงประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้งก็จะเป็นสังคมที่เข้มแข็งมีความสามัคคี แต่หากสังคมเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนก็จะอ่อนแอ เพราะต่างคนต่างทำเพื่อตนเอง การจัดงานในครั้งนี้ จึงเป็นการย้ำและเตือนให้เห็นความสำคัญของการมีจิตสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม ที่ต้อง พูด คิด และลงมือทำ
งาน “คนไทยขอมือหน่อยฯ” ถือเป็นเทศกาลรวบรวมคนลงมือครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดของไทย มีองค์กรที่ทำงานเพื่อสังคมมากกว่า 200 องค์กร ที่ทำงานพัฒนาสังคมด้านคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมและชุมชนยั่งยืน สตรีและครอบครัว ปัญญาและจิตวิญญานร่วมสมัยการปันและอาสาภาคประชาชน และนวัตกรรมทางสังคม ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดนัดจิตอาสาที่ใหญ่ที่สุด เป็นทางเลือกให้กับคนในสังคมได้ตัดสิน ก้าวเข้ามาร่วมมือกัน
นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ยังมีเวทีเสวนาที่น่าสนใจอีกหลากหลายหัวข้อ อาทิเช่น ปาฐกถาในหัวข้อ อาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม มหามวลมิตรการพัฒนาประเทศไทย โดย นพ.ประเวศ วะสี เป็นองค์ปาฐกถาการต่อต้านคอร์รัปชั่นการให้เพื่อสังคมการจัดการภัยพิบัติ โดยชุมชน ศาสนาร่วมสมัย ฯลฯ ซึ่งน่าจะเป็นการจุดประกายความคิด ด้านการมีส่วนร่วมให้มีมากขึ้นในสังคมไทย
ที่มา : มูลนิธิเพื่อ “คนไทย”