คนวัยทำงานมียีนส์เสี่ยงติดวัณโรค

วัยทำงานมียีนส์เสี่ยงติดวัณโรค ผุดวิธีตรวจวินิจฉัยใหม่เจาะเลือด  


คนวัยทำงานมียีนส์เสี่ยงติดวัณโรค  thaihealth


แฟ้มภาพ


น.พ.สุรัคเมธ มหาศิริมงคล หัวหน้าศูนย์พันธุศาสตร์การแพทย์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่าคนส่วนใหญ่เมื่อได้รับเชื้อวัณโรค ประมาณร้อยละ 90 จะสามารถควบคุมการติดเชื้อหรือการแสดงอาการของโรคได้ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่จะแสดงอาการ โดยร้อยละ 5 เกิดจากการมียีนส์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค แม้จะมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงก็ตาม ทั้งนี้จากการวิจัยค้นหายีนส์ที่เป็นความเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค โดยเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มวัยทำงาน คือคนที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี และ ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป พบว่ากลุ่มคนวัยทำงานประมาณ 16% จะมียีนส์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค โดยมีความเสี่ยงในการติดเชื้อวัณโรคสูงขึ้น 1.8 เท่า ทำให้แม้จะมีร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานสูง แต่ก็ติดเชื้อและแสดงอาการวัณโรคได้ ทั้งที่ไม่มีโรคแทรกซ้อน ส่วนในผู้สูงอายุไม่พบยีนส์ที่มีความเสี่ยงดังกล่าว


"ส่วนผู้สูงอายุที่ป่วยวัณโรคนั้น เพราะร่างกายอ่อนแอลง ภูมิต้านทานน้อยลง ประกอบกับป่วยหลายโรค เช่น เบาหวาน ต้องมีการรับประทานยา ทำให้เชื้อวัณโรคแฝงในร่างกายแสดงอาการออกมา สำหรับการติดเชื้อวัณโรคนั้นมีหลายสาเหตุ แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนติดเชื้อวัณโรคคือ การมีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น" น.พ.สุรัคเมธ กล่าวและว่า โดยปกติเมื่อคนเราติดเชื้อวัณโรคจะพบว่า มียีนส์ประมาณ 7-8 ตัวในเลือดที่จะมีความผิดปกติไปจากเดิม รวมไปถึงยีนส์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคดังกล่าวด้วย กรมฯ จึงได้พัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยวัณโรควิธีใหม่ด้วยวิธีการตรวจเลือด


น.พ.สุรัคเมธ กล่าวว่า การตรวจวินิจฉัยวัณโรคนั้น ตามปกติจะใช้วิธีการเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการ โดยใช้สเลดของคนไข้ ส่วนวิธีการใหม่ที่เป็นการเจาะเลือดนั้น จะนำเลือดมาตรวจระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อวัณโรคว่ามีการตอบสนองอย่างไร โดยหากพบว่ายีนส์ 7-8 ตัวดังกล่าวนั้นมีการทำงานที่ไม่เหมือนคนปกติ ก็น่าจะวินิจฉัยได้ว่าติดเชื้อวัณโรคอยู่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาวิธีการตรวจดังกล่าวให้เป็นชุดทดสอบ


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

Shares:
QR Code :
QR Code