ขับเคลื่อน 80 ปี ฟันดี 20 ซี่ เติมเต็มคุณภาพชีวิต
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
แฟ้มภาพ
ปี 2564 ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ และเมื่อจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น การดูแลสุขภาพองค์รวมจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ สิ่งที่น่าสนใจคือ สุขภาพช่องปากและจำนวนฟันที่คงเหลือ มีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคและความพิการในผู้สูงอายุ
ด้วยเหตุนี้ 26 องค์กรภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย องค์กรภาคีวิชาชีพด้านทันตกรรม ทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรภาคีภาครัฐและภาคประชาสังคม ได้รวมพลังกันประกาศเจตนารมณ์การรณรงค์ ผ่านเวทีขับเคลื่อนนโยบาย "80 ปี ฟันดี 20 ซี่ เติมเต็มคุณภาพชีวิต" เพื่อให้กลุ่มผู้สูงอายุในวัย 80 ปี ดูแลรักษาฟันไว้ให้ได้ 20 ซี่ขึ้นไป นอกจากนี้ในเวทีดังกล่าวยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นของผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับแนวทางในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบาย 80/20 เกิดขึ้นในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
"องค์กรภาคีเครือข่ายจะร่วมกันรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพช่องปากในทุกกลุ่มวัย ให้มีความรอบรู้และเห็นความสำคัญที่จะดูแลรักษาฟันให้มีสุขภาพดี ลดอุปสรรคการเข้าถึงบริการทันตกรรมของประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำของสิทธิประกันสุขภาพต่างๆ โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการทันตกรรมพื้นฐานที่จำเป็น เพิ่มขีดความสามารถในการจัดการสุขภาพช่องปากของตนเอง ผลักดันให้การตรวจสุขภาพช่องปากเชิงป้องกัน เป็นส่วนหนึ่งในแผนการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อไม่เรื้อรังในอนาคต" ดร.นพ.ภูษิต ประคองสาย เลขาธิการมูลนิธิสภาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) กล่าวเริ่มต้นการประกาศเจตนารมณ์
"การกำหนดนโยบาย 80 ปี ฟันดี 20 ซี่ สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการดูแลสุขภาพฟันของประชาชนทุกช่วงวัย และยังคงมีอีกหลายส่วนที่ต้องขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริการหรือการเข้าถึงสิทธิ์ของประชาชน ในส่วนของทันตแพทยสภา ขอร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้นโยบายดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือการดูแลให้ประชาชนมีสุขภาพฟันที่ดี" พ.ต.ท.พจนารถ พุ่มประกอบศรี นายกทันตแพทยสภา กล่าวในฐานะผู้แทนภาคีวิชาชีพ
"เราจะสนับสนุนให้ทันตบุคลากร ประกอบด้วย ทันตแพทย์ ทันตภิบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ มีความรู้ มีทักษะ และร่วมกันพัฒนาระบบบริการให้ครอบคลุม ทั้งเรื่องการรักษาและป้องกันสุขภาพช่องปาก รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการเพื่อเอื้อต่อผู้สูงอายุให้สามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมได้อย่างสะดวก เชื่อมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพช่องปากและสุขภาพกายที่แข็งแรง เป็นบุคลากรที่สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติต่อไป" ทพญ.ภารณี ชวาลวุฒิ สมาพันธ์ทันตแพทย์กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะผู้แทนภาคีภาครัฐ
"เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายนโยบาย 80 ปี ฟันดี 20 ซี่ ด้วยกัน ในฐานะกลุ่มประชาชนขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปใช้สิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพช่องปากที่สมบูรณ์แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัย" นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวในฐานะผู้แทนภาคีประชาสังคม
เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อเสนอมาตรการในนโยบาย "80 ปีฟันดี 20 ซี่ เติมเต็มคุณภาพชีวิต" หรือ 80/20 มี 7 มาตรการ ด้วยกัน ได้แก่ มาตรการที่ 1 การรณรงค์แคมเปญ 80/20 ในระดับประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน มาตรการที่ 2 สร้างให้ประชาชนรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก และได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างครอบคลุม มาตรการที่ 3 เพิ่มสิทธิการตรวจสุขภาพช่องปากเชิงป้องกันและการรักษาทางทันตกรรมให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน มาตรการที่ 4 บูรณาการด้านบริการทางทันตกรรมด้วยระบบการส่งต่อบริการแบบไร้รอยต่อ เพื่อลดช่องว่างและลดค่าใช้จ่ายด้านการบริการทันตกรรม
มาตรการที่ 5 สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อให้บริการครอบคลุม ลดอุปสรรคในการเข้าถึงการดูแลด้านทันตกรรมให้กับประชาชน มาตรการที่ 6 เป็นพันธมิตรกับทีมดูแลรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรคทางช่องปากเกี่ยวพันกับ NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพื่อให้การส่งเสริมและป้องกันโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมาตรการที่ 7 ศึกษาวิจัยนวัตกรรมเพื่อพัฒนานโยบาย 80/20 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในอนาคต