ขับเคลื่อน ‘สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา’ เมืองขอนแก่น

ที่มา : บ้านเมืองออนไลน์ 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์บ้านเมืองออนไลน์


ขับเคลื่อน 'สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา' เมืองขอนแก่น thaihealth


สถ.จับมือ สสส.ลงพื้นที่ขอนแก่นขับเคลื่อนสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา มุ่งพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยด้วยสนามเด็กเล่นและขยายผลเป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อปท. พร้อมยกระดับเป็นศูนย์ฝึกอบรมเสริมสร้างพัฒนาการเด็กปฐมวัยเติบโตอย่างมีคุณภาพ


วันที่ 8 ธ.ค.61 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมและชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดฝึกอบรมและปฏิบัติการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา รุ่นที่ 7 จากนั้นลงพื้นที่ฝึกปฏิบัติการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา โดยมีนายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนน่าอยู่ อาจารย์ดิสสกร กุนธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา อาจารย์บังอร บัวเมือง เลขามูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา นางดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน นายเพชร สุพพัตกุล นายอำเภอกระนวน นายปิติภณ โพธิ์ใต้ ผู้ตรวจราชการกรม นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี ท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น นายสมยศ แสนโคก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุงใหญ่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนของสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด และผู้นำชุมชน เข้าร่วม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุงใหญ่ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น


นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน และมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ดำเนินโครงการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยด้วยสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาโดยชุมชนท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กปฐมวัยด้วยสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และขยายผลไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ที่สนใจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินงานตามโครงการ จำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่


1. กลุ่มศูนย์ฝึกอบรม จำนวน 12 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 12 จังหวัด ซึ่งในวันนี้ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุงใหญ่ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น โดยมีหน้าที่จัดฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ได้รับการคัดเลือกเป็นศูนย์ต้นแบบประจำจังหวัด และผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด


2. กลุ่มศูนย์ต้นแบบประจำจังหวัด จำนวน 76 จังหวัดๆ ละ 1 ศูนย์ ซึ่งในวันนี้มีจำนวน 5 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 5 จังหวัด และผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี


นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมฝึกอบรมและปฏิบัติการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาในวันนี้ จะเป็นการถ่ายทอดความรู้แนวทางในการสร้างสนามเด็กเล่น ทั้งทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยได้รับเกียรติจากท่านอาจารย์ดิสสกร กุนธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และท่านอาจารย์บังอร บัวเมือง เลขามูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา มาเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้และนำฝึกปฏิบัติสร้างสนามเด็กเล่น เพื่อให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการ วิธีการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และแนวทางการบริหารจัดการสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา เพื่อสามารถนำไปดำเนินการในพื้นที่ของตนเอง และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่สนใจต่อไป


ทั้งนี้เรื่องใหญ่ที่สำคัญของชาติ คือลูกหลานต้องได้รับการพัฒนาด้านร่างกายจิตใจ มีความกล้าหาญ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีสมองที่มีความคิดเป็นเหตุเป็นผล สามารถเรียนรู้เข้าใจในเรื่องต่างๆ เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ มีเหตุมีผล มีระเบียบวินัย เคารพกฏกติกา ระเบียบของสังคม แต่ที่ผ่านมาเราล้มเหลว เช่น ผลของการวัดผลการศึกษาต่าง ๆ ที่ประเทศไทยได้อันดับที่ 8 ของอาเซียน มีข่าวลูกหลานติดยาเสพติด ทำร้ายคุณยาย เด็กตีกัน ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ คงเพราะพวกเราที่ทำหน้าที่ดูแลลูกหลานบกพร่อง จนได้มีโอกาสพบท่าน อ.ดิสสกร ที่ได้นำแนวทางตามหนังสือเจ้านายยุวกษัตริย์ แนวทางการเลี้ยงลูกของสมเด็จย่า ที่สมเด็จย่าเลี้ยงลูกอยู่กับทราย ดิน น้ำ ซึ่งเป็นแนวคิดในการเริ่มทำสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา กรมฯ ได้ขอรับสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มาสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และกรมฯ ยังได้จัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้ด้วย และสิ่งที่ท่านร่วมสร้างกันนี้ จะช่วยทำให้เด็กพบหนทางแห่งการพัฒนาร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ขอให้ช่วยกลับไปขยายผล ไม่ใช่เฉพาะแค่ท้องถิ่นของเรา ต้องชวนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอื่น ๆ ทำด้วย


อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนตระหนักถึงความปลอดภัยด้วย เช่น อยากให้สระน้ำสวย เลยปูกระเบื้อง เด็กก็อาจจะลื่นล้ม การทาสีไม้ ยางรถยนต์ เวลาเด็กสัมผัสก็จะมีสารตะกั่วถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ทำตามแบบที่ท่าน อ.ดิสสกร แนำนำไว้ ถ้าพื้นที่ไม่เหมาะกับแบบ ก็ดัดแปลงสภาพให้เหมาะกับบริบท หรือภูมิประเทศของตน อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่มีความสวยงามจากสี พยายามให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ลูกหลานจะปลอดภัย


นายสุทธิพงษ์ กล่าวฝากถึงโครงการ "1 อปท. 1 ถนน ท้องถิ่นใส่ใจสิ่งแวดล้อม" เป็นโครงการที่กรมฯ จัดขึ้น เพื่อเชิญชวนทุกภาคส่วนในชุมชนร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง สิ่งแวดล้อมบริเวณถนนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกไม้หรือไม้ดอก ไม้ประดับอื่นๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ดูร่มรื่น และสวยงามทั้งสองข้างถนน นอกจากปลูกต้นไม้ให้สวยงามแล้ว ก็จะต้องปรับปรุงทิวทัศน์สองข้างทางให้สะท้อนถึงวัฒนธรรม วิถีชุมชน หรือเอกลักษณ์ของชุมชน ไปจนถึงมีการดูแลสิ่งแวดล้อมของถนนเส้นนั้นอย่างเป็นระบบด้วย เช่น กระบวนการรักษาความสะอาด การจัดเก็บขยะ การคัดแยกขยะให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม และไม่ลืมที่จะที่เริ่มต้นจากที่บ้านของทุกๆคน โดยดูแลหน้าบ้านของตนเองให้สะอาดสวยงาม และโครงการ "ห้องน้ำท้องถิ่น สะอาด ปลอดภัย" ที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบ เช่น ห้องน้ำในสำนักงาน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยเน้นให้ได้มาตรฐาน 3 เรื่อง คือ สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ได้รับการดูแล ปรับปรุง ซ่อมแซม ให้อยู่ในสภาพดีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างสุขอนามัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ต้องบริการห้องน้ำสาธารณะ ปรับปรุงภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในฐานะประเทศท่องเที่ยวด้วยนั่นเอง

Shares:
QR Code :
QR Code