ขนมไทย By เพลินงานอดิเรกช่วงวันหยุด
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ขนมไทย By เพลินงานอดิเรกช่วงวันหยุด กับสาวผู้หลงใหลขนมหวานไทยๆ มาตั้งแต่สาวๆ
ธมนภัทร เจริญสุข สาวคมเข้มร่างสูงโปร่ง ผู้หลงใหลในขนมหวานของไทยๆ มาตั้งแต่สาวๆ แต่เมื่อแต่งงานมีลูกน้อยทำให้เธอต้อง ลดขนมหวานไปเกือบหมดสิ้น เพราะมีปัญหาในการลดน้ำหนักส่วนเกินที่เป็นไปอย่างยากเย็น ทำให้เธอแทบจะไม่ได้กินขนมหวานมานานเป็นปี
งานหลักของเธอทำงานบริษัทเกี่ยวกับออร์แกไนเซอร์ แต่มีงานอดิเรกในช่วงวันหยุด ก็คือ การทำขนมหวานอย่างขนมชั้น จากที่คิดจะทำกินเล่นเพลินๆ ก็เริ่มมีคนสั่งทำบ้างประปราย ก็เลยลองทำขายผ่านเว็บดู ก็พอได้ค่าขนมและได้ทำสิ่งที่รักไปด้วยพร้อมกัน
เธอเล่าว่า ปกติชอบขนมหวานอยู่แล้ว กระทั่งมีลูกและอยากลดน้ำหนัก จึงงดขนมหวานทุกอย่าง ค่อนข้าง ที่จะเลือกรับประทาน จนมาเจอขนมชั้นซึ่งเป็นขนมหวาน อย่างแรกที่กลับมากินอีกครั้งเพราะชอบขนมไทยๆ
หลังจากเริ่มรับประทานขนมชั้น จึงเกิดความชอบ ขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยว่าขนมชั้นมีกระบวนการและขั้นตอนในการทำอย่างไร จนนำไปสู่การเรียนรู้และการฝึกฝนในทุกๆ วัน โดยเธอเล่าว่าส่วนใหญ่จะใช้เวลา ว่างหลังจากเลิกงานประจำ ก็คลุกอยู่ในห้องครัวเพื่อทดลองและคิดค้นสูตรใหม่ๆ ในการทำขนมด้วยตัวเอง และพบว่าเธอมีความสุขเมื่อได้ทำขนม
จึงตัดสินใจไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองและนำทักษะต่างๆ มาประยุกต์ในแบบฉบับที่ตนเองพอใจ ซึ่งใช้ระยะเวลาอยู่นานถึงสองปี กว่าจะเริ่มมารับงานอย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้ว
"เราเป็นคนที่ชอบกินขนมหวาน แต่ก็กลัวอ้วนมากจะกินอะไรก็ต้องดู และเลือกค่อนข้างเยอะ แล้วพอมานั่งคิดว่าระหว่างเนยขาวกับมาการีน สิ่งเหล่านี้ร่างกายเราย่อยสลายเองไม่ได้เมื่อเทียบกับกะทิ เพราะสามารถย่อยสลายได้ หรือถ้าตกค้างในร่างกายก็เหลือน้อยมาก เรียกว่าเป็นไขมันอิ่มตัวที่เป็นมิตรต่อร่างกาย ที่สำคัญกะทิเป็นส่วนประกอบหลักในการทำขนมไทยหลายๆ อย่างก็เลยเลือกที่จะทำขนมไทย โดยเฉพาะขนมชั้นคือสิ่งที่ชอบมากๆ จึงหาวิธีทำและพยายามปรับสูตรจนเป็นรสชาติที่เราชอบจริงๆ"
เธอบอกต่อไปว่า อย่างสีที่ใช้ก็มาจากธรรมชาติ คือ สีเขียวของใบเตย เพราะเธออยากเน้นในเรื่องของสุขภาพด้วย จึงไม่ใช้สีสังเคราะห์อาหาร นอกจากนี้ยังเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้าไป โดยการนำเอาลูกชิดมาสไลซ์เป็นแผ่นบางๆ ผสมเข้าไปเพื่อที่เวลาเคี้ยวจะได้ความรู้สึกถึงรสชาติที่ต่างไปจากขนมชั้นแบบเดิมๆ นอกจากนี้ ยังเป็นการเล่นคำเก๋ๆ อย่าง ชั้นชิดได้อีกด้วย"
เธอเล่าว่า หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้รสชาติที่พึงพอใจแล้ว จึงเริ่มเปิดขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ซึ่งทำออกมาในรูปแบบกล่องมีแพ็กเกจจิ้งสวยงามดูทันสมัย โดยส่วนมากลูกค้าที่เข้ามาสั่งมักจะเป็นเพื่อนสนิท คนรู้จักและคนในหมู่บ้านที่เน้นเอาไปทำบุญตามวาระสำคัญต่างๆ
จุดที่สร้างรายได้ให้กับเธอเป็นชิ้นเป็นอันนั้นมา จากออร์เดอร์ของทาง สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ที่มีคอนเซ็ปต์ในการเลือกใช้ ขนมไทยเป็นหลักในการจัดเบรกสำหรับงานสัมมนา โดยมีคนรู้จักหยิบยื่นโอกาสให้และเนื่องจากไม่ได้มีเวลาเยอะ เพราะต้องทำงานประจำควบคู่ไปด้วย เธอจึง เน้นทำตามออร์เดอร์ที่เข้ามาเป็นหลัก แต่ที่ได้มากกว่าเงินทองนั่นคือความสุขและความผ่อนคลายที่ได้จากการทำในสิ่งที่รัก
ส่วนใหญ่ออร์เดอร์จะเป็นวันเสาร์ ดังนั้นจะมีเวลาทำในช่วงเลิกงานของวันศุกร์ เนื่องจากขนมชั้นสามารถเก็บไว้ได้ 2 วัน ถ้าไม่เข้าตู้เย็น แต่ถ้านำไปเข้าตู้เย็นสามารถเก็บไว้ 4-5 วัน เวลาจะรับประทานก็นำมาอุ่นได้ตามปกติ และเมื่อไม่นานมานี้เธอตัดสินใจสมัครเข้าเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่และพายกับทางมหาวิทยาลัยสวนดุสิตเป็นคอร์สสั้นๆ 3 เดือน เพื่อเพิ่มทักษะขั้นพื้นฐานที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับสิ่งที่มี นั่นคือสวนผลไม้ของสามีเธอที่ จ.ระยอง
"ส่วนใหญ่จะเลือกผลไม้ที่มีอยู่ในสวนมาใช้ อย่างเค้กกล้วยหอมที่ทำบ่อยๆ ก็เป็นวัตถุดิบที่ปลูกเองจากสวน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเบเกอรี่อย่างจริงจัง เพราะอยู่ในขั้นศึกษายีสต์ก่อน เพราะยีสต์จากธรรมชาติร่างกายเราสามารถย่อยสลายได้หมด ต่างจากยีสต์ที่ผสมอยู่ในแป้งทั่วไป เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและทดลองด้วยตัวเอง"
เมื่อถามถึงผลตอบรับที่ได้ เธอเล่าว่าอยู่ในขั้นที่พอใจไม่ถึงกับเฟื่องฟูมาก แต่ก็พอให้มีเงินเก็บและสามารถซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ในการทำขนมต่อไป โดยอนาคตอันใกล้นี้เธอตั้งใจว่าจะสานต่อการทำเบเกอรี่อย่างจริงจัง เป็นเบเกอรี่ที่ทำจากยีสต์ธรรมชาติ ใช้สีจากธรรมชาติ ใช้ธัญพืช เป็นขนมที่เป็นออร์แกนิก ควบคู่กับขนมชั้นที่ทำอยู่แล้ว
อีกความฝันหนึ่งที่เธออยากทำให้สำเร็จ นั่นคือการเปิดคาเฟ่เล็กๆ ในบริเวณสวนที่ จ.ระยอง โดยคงคอนเซ็ปต์ขนมทุกชิ้นต้องทำด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือวัตถุดิบต้องมาจากสวนที่ปลูกเอง เพื่อความสะอาดปลอดภัยและเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและรู้จักใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์ ขณะที่งานประจำก็ไม่ทิ้งไปไหนโดยวางแผนไว้ว่าจะเปิดคาเฟ่เฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
"เพราะรายได้หลักยังคงเป็นอย่างงานประจำ ส่วนธุรกิจนี้จะเข้ามาเสริมในความชอบและเติมเต็มความฝันที่เราอยากทำ ลองไปชมเพลินขนมชั้น www.facebook.com/chanplern ค่ะ"