ก้าวที่ท้าทายของการเป็น ‘แม่ข่าย’

ทั้งหมดนี้ ผลักดันได้ก็ด้วย ‘ใจ’ ไม่ใช่มีเงินเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ท้องถิ่นจึงต้องปูพื้นฐานสร้างความเข้าใจ เพราะเมื่อ ‘ได้ใจ’ กันแล้ว อย่างอื่นๆ ก็เป็นเรื่องรอง

เราอยู่ในเครือข่ายมาตั้งแต่ปี 2549 เรียนรู้มาเรื่อยๆ จนเพิ่งก้าวเข้ามาเป็น “แม่ข่าย” ได้ในช่วงไม่กี่เดือน ตอนนี้กำลังเตรียมความพร้อมรับคนมาดูงาน ไม่ว่าการเตรียมความสะอาดของพื้นที่ การบริหารจัดการโฮมสเตย์

ในพื้นที่บ้านยาง มีแหล่งเรียนรู้ 22 ฐาน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผลิตครกหิน, กลุ่มโรงสีชุมชน, กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร, กลุ่ม อสม. กลุ่มสายใยรักของครอบครัว, กลุ่มฌาปนกิจ , ธนาคารชุมชน ฯลฯ

จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มอาชีพ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของพื้นที่ที่ชาวบ้านต้องการหาอาชีพเสริมหลังฤดูทำนา หลายๆ กลุ่มเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีความเข้มแข็งแต่เดิม เช่น กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรซึ่งจะซื้อผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่มาแปรรูปทำเป็นขนม พริกแกง ที่ขึ้นชื่อ สร้างรายได้ 50,000-60,000 บาทต่อเดือน ท้องถิ่นเพียงแต่เข้าไปดูแลและสนับสนุนงบประมาณ หรือสิ่งที่เขาเรียกร้องต้องการ โดยมีพัฒนากรของอำเภอคอยเป็นพี่เลี้ยง

เมื่อท้องถิ่นได้ร่วมงานกับ สสส. ทำให้เมื่อเข้าไปทำความเข้าใจกับแต่ละกลุ่มในพื้นที่ พวกเขาก็มีความเข้าใจร่วมกันมากขึ้นในเรื่อง “สุขภาวะ” และมีการจัดระบบเพื่อสะดวกในการบริหารและมีประสิทธิภาพในการทำงาน

เครื่องมือสำคัญคือ “งานวิจัยชุมชน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดีจาก สสส. ทำให้วิเคราะห์ปัญหาได้อย่างไม่สะเปะสะปะ ทำงานกันเป็นระบบมากขึ้น จน “ตำบลบ้านยาง” สามารถก้าวขึ้นสู่ “ตำบลต้นแบบ” เพื่อให้ตำบลอื่นๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้

ทิศทางเหล่านี้กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็ความกระตือรือร้นที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการของกลุ่มต่างๆ และมีจิตสำนึกที่อยากให้ชุมชนของตนเองพัฒนาไปข้างหน้าทัดเทียมหรือมากกว่าพื้นที่อื่นๆ

หากถามว่ามันจะยั่งยืนได้เพียงไหน อาจเป็นการเร็วเกินไปที่จะตอบคำถามนี้ แต่ลึกๆ แล้วก็เชื่อมั่นว่า หากเราสามารถทำให้กลุ่มต่างๆ เห็นประโยชน์ตอบแทนทั้งแบบรูปธรรมและนามธรรมได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาร่วมเดินในเส้นทางนี้

กรณีพื้นที่บ้านยางอาจจะมีกลุ่มส่งเสริมอาชีพอยู่หลากหลายกลุ่ม ท้องถิ่นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมองเรื่องช่องทางการตลาดเพื่อสนับสนุนกิจการเหล่านี้ เช่น การดูงานของเครือข่ายต่างๆ สามารถช่วยส่งเสริมรายได้แต่ละกลุ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปลูกผักอินทรีย์ กลุ่มโฮมสเตย์ หรือโอท็อปต่างๆ และเรายังวางแผนจัดสถานที่ที่จะเป็นศูนย์รวมของโอท็อปในท้องถิ่นเพื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังสนับสนุนด้วยการพาไปดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพื้นที่อื่นๆ ด้วย

สิ่งเหล่านี้จะทำให้ชาวบ้านมีรายได้สูงขึ้น แรงงานที่จะอพยพไปทำงานนอกพื้นที่ก็ลดลง ขณะเดียวกันเราก็พยายามส่งเสริมกลุ่มอื่นๆ ด้านสุขภาพ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ดีขึ้น และทำให้เขาไม่อยากจากไปไหน

ทั้งหมดนี้ ผลักดันได้ก็ด้วย ‘ใจ’ ไม่ใช่มีเงินเพียงอย่างเดียว เพราะเงินมากเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หลักประกันผลสำเร็จ ดังนั้น ท้องถิ่นจึงต้องปูพื้นฐานสร้างความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจให้กับคนในพื้นที่ให้ได้เสียก่อน เพราะเมื่อ ‘ได้ใจ’ กันแล้ว อย่างอื่นๆ ก็เป็นเรื่องรอง

 

 

ที่มา : เว็บไซต์ปันสุข โดย นายเฉลิมชัย ดาดผารัมย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านยาง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

 

Shares:
QR Code :
QR Code