ก่อนส่งมือถือสู่มือเด็ก

มีรายงานจากโครงการเฝ้าระวังเด็กเกี่ยวกับสถิติการเล่นพนันบอลในปี 2550 พบว่า ทั้งเด็กประถม มัธยมและอาชีวะ มีแนวโน้มเล่นพนันบอลมากขึ้นทุกปี ร้อยละ 13.84 ของเด็กไทยที่เล่นพนันบอล นี่เป็นตัวเลขที่มีนัยยะสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรละเลยหรือวางเฉยได้อีกต่อไป เนื่องจากมีข้อมูลเสริมจากเครือข่ายเยาวชนของ สำนักงานส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติ หรือ สสส.ออกมาระบุ อีกว่า นักพนันบอลหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ปี แต่เด็กที่สุดที่เคยพนันบอลกับโต๊ะบอลมีอายุเพียง 7 ปี หมายความว่านอกจากเด็กไทยที่เล่นพนันบอลจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ่นทุกปีแล้ว อายุของเด็กที่เล่นก็ยังมีแนวโน้ม ลดลงไปอีกด้วย ประกฏการณ์นี้ทำให้พ่อแม่และคนเกี่ยวข้องนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้อีกต่อไป ทายผลบอล…อีกรูปแบบการพนันยอดฮิตที่ได้ “มือถือ” เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ใช่แค่โทร.หาโต๊ะบอล หรือเด็กเดินโพย เพื่อเลือกข้างและแจ้งยอดเงินพนันได้ทุกที่ตลอดทั้งวัน…โดยเฉพาะเมื่อไม่อยู่ในสายตาของพ่อแม่ 

แต่เมื่อเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ มันจะพาไปถึงองค์ประกอบเสริมของการแทงบอลได้ง่ายขึ้น เช่น ตัวเลขแต้มต่อ บทวิเคราะห์ทีมแข่ง และผลงานนัดล่าสุด และพอใช้มือถือเพื่อการนี้บ่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นคนหมกมุ่น 

ร้ายยิ่งกว่านั้น…มันตอบสนองความต้องการโอน เงินได้ฉับพลัน ของเจ้ามือและนักพนันบอลอีกด้วย แล้วถ้าเบี้ยวหนี้ มือถือนี่แหละที่จะเป็นเบาะแสให้ก๊วนแก๊งแทงบอลตามรอยถึงตัวเจ้าของเครื่องคิดหนี รึ…รอดยากส์  แต่มีพ่อแม่บางคนคิดว่าวิธีแก้ปัญหาเด็กพนันบอลไม่ยาก แค่เพียงแต่ไม่ให้เงินติดกระเป๋าเด็กก็สิ้นเรื่อง

ไม่มีรายได้…ไม่ใช่อุปสรรค์ของนักพนันรุ่นเยาว์ ค่าขนมมีเท่าไหร่เล่นไปก่อน แล้วค่อยฝันถึงเงินก้อนโตกว่า…ยิ่งเสียยิ่งเล่น ซึ่งเป็นไปได้สูงว่า…พวกเขาจะหันหน้าหาเงินในรูปแบบที่ “สร้างรายได้ดี โดยไม่ต้องมีความรู้” อาทิ ขายบริการทางเพศ หรือค้าสิ่งเสพติดรายย่อย 

พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องเอาใจใส่ดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิด คอยชี้แนะถูกผิด ให้เวลา รับฟังความเห็นพวกเขาบ้าง อย่ารอจนเกิดเรื่องแล้วค่อยมาหาทางแก้ปัญหาและขอฝากถึงหนูๆ สักนิด…ชีวิตติดพนันไม่มีความสุขหรอกนะ ยิ่งถ้าโดนตามทวงหนี้ อาจต้องเจ็บตัว เสียตัว หรือบางรายก็ถึงตาย ทุกคนมีวันสวยงามรออยู่ อย่าทำลายตัวเองด้วยวิธีนี้เลย

มีข้อสังเกตมาแนะนำพ่อแม่ให้ช่วยดูแลลูกหลาน ว่าติดพนันบอลหรือไม่ เป็นข้อสังเกตเบื้องต้นในการดูแลลูกหลานที่อาจเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังติดพนันบอลอยู่ก็เป็นได้ โครงการเฝ้าระวังเด็กจึงรวบรวมให้พ่อแม่ดูพฤติกรรมของลูกหลานว่ามีลักษณะ 10 ประการดังต่อไปนี้หรือไม่ 

1. อดหลับอดนอน ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็ถ่างตารอลุ้นผลบอล 

2. ดูฟุตบอลทุกคู่ แม้จะเป็นทีมที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยเชียร์ 

3. ออกอาการลับๆ ล่อๆ ระหว่างคุยโทรศัพท์ 

4. พกหนังสือพิมพ์กีฬาหรือคัมภีร์บอลติดตัว 

5. เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน ซื้อน้อยลงเพราะเก็บเงินไว้แทง 

6. หยิบยืมเงินคนรอบข้าง พี่น้อง เพื่อนสนิท เพื่อนไม่สนิท ก็ไม่เว้น 

7. ข้าวของเครื่องใช้เริ่มหาย เพราะย้ายไปอยู่ที่โรงจำนำ 

8. ซึมเศร้า เครียด กังวลกับผลการแข่งขัน 

9. บางช่วงดูร่ำรวยผิดปกติ เลี้ยงเพื่อนฝูง จ่ายไม่อั้น เที่ยวไม่ยั้ง 

10. โดนข่มขู่ ทวงหนี้ทางโทรศัพท์หรือมีคนแปลกหน้ามาตามหา 

ข้อสังเกตเบื้องต้นอาจช่วยทำให้พ่อแม่มีหลักในการดูพฤติกรรมเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าหากลูกหลานมีพฤติกรรมใกล้เคียงหรือคล้ายกับข้อสังเกตเหล่านี้แล้ว จะต้องเป็น“ผีพนันบอล”เท่านั้น ความกลัวผีพนัน…เข้าสิงลูกหลาน 

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า…โทรศัพท์มือถือเป็นเหมือนประตูที่เปิดไปสู่วงล้อมของการพนันสารพัดรูปแบบ ซึ่งนับวันจะ ยิ่งรุมเร้า ยั่วยุกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความอยากลอง ดุลพินิจที่ เปราะบาง ความยับยั้งชั่งใจที่ยังไม่แข็งแรงพอ ความคึกคะนอง หรือแม้แต่ค่านิยมผิดๆ ทำให้เด็กและเยาวชนไทยเป็นจำนวน มาก หลงหมกมุ่นอยู่กับการพนัน…ที่มาหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพนันบอล กาสิโน ไฮโล 

หลายครั้งที่ฮอร์โมนเด็กพลุ่งพล่าน เกินควบคุมก็สร้าง ปัญหาตามมาอีกเป็นพรวน บางเรื่องยังพอเยียวยาแก้ไขได้ แต่บางเรื่องก็จบลงที่ความเศร้า เมื่อกฎหมายไทยไล่ไม่ทันเทคโนโลยี จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่จะต้องดูแลและเฝ้าระวังลูกหลานของตน ให้ห่างไกลและหลีกเลี่ยงจากอบายมุขทั้งปวง 

ความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจในครอบครัว จะช่วยป้องกันอบายมุขทั้งปวงที่จะเข้ามาครอบงำ และช่วยสกัดกั้นภัยต่างๆ ที่มากับมือถือ แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหน…คำตอบอยู่ที่คุณ

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ