กิน ‘ปลา’ ไร้พุง-ต้านเบาหวาน

อุดมโปรตีน-อิ่มเร็ว แถมย่อยง่ายด้วย

 

 กิน ‘ปลา’ ไร้พุง-ต้านเบาหวาน

          ไม่ต้องย้ำก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจกันสำหรับสังคมไทยเวลานี้ว่า คนไทยเอาความทุกข์เข้าใส่ตัวเองโดยไม่มีใครไปบีบบังคับให้ทำ ด้วยเพราะไม่สามารถระงับความอยากลิ้มชิมรสประเภทตามใจปาก อยากกินอะไรก็สนองความยากนั้นจนลืมทุกข์ที่ตามมาในภายหลัง จนนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นทุกขภาวะเกิดขึ้นในร่างกายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนความเสียหาย แล้วยังนำไปสู่การเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลของครอบครัวแล้วก็ของประเทศด้วย

 

          โรคที่มากับการกินแบบตามใจปากไม่ห่วงว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายก็คือ โรคอ้วน แล้วเจ้าโรคนี้แหละที่เป็นสะพานเชื่อมไปยังโรคต่างๆ ที่ล้วนแต่สร้างความเสียหายทั้งสิ้น โรคแรกเลย คือ “เบาหวาน”

 

          ถ้ายังตระหนักว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐขอให้ติดตามข่าวนี้แล้วตั้งสติไว้ในตัวอย่างจริงจัง เพื่อจะได้ไม่ต้องจมปรักอยู่ในกองทุกข์

 

          โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรมประมง กระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายคนไทยไร้พุง และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าว “กินปลาไร้พุงต้านโรคเบาหวาน” เนื่องในวัน “เบาหวานโรค” วันที่ 14 พ.ย. นี้

 

          ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ.ชนิกา ตู้จินดา คณะกรรมการกองทุน สสส. กล่าวว่าองค์การอนามัยโลก ประเมินว่าขณะนี้มีผู้ป่วยอย่างน้อย 194 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 300 ล้านคน ในพ.ศ.2568 ขณะประเทศไทยมีการสำรวจเมื่อปี 2547 มีคนป่วยด้วยโรคเบาหวานแล้วกว่า 3 ล้านคนแล้ว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พญ.ชนิกาบอกว่า องค์การอนามัยโลกย้ำ เบาหวานเป็นโรคที่มีอันตรายสูงสุดยิ่งกว่าโรคเอดส์ เพราะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึงปีละ 3.2 ล้านคน ส่วนเอดส์เสียชีวิตแค่เพียง 3 ล้านคน/ปี

 

          “เบาหวานที่พบบ่อย คือ เบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดในผู้ใหญ่ที่อ้วน หรือคนอ้วนลงพุงที่ออกแรงออกกำลังกายน้อยเกินไป ปัจจุบันพบในเด็กด้วย การรับประทานอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ตลอดจนไม่ออกกำลังกาย เป็นปัจจัยสำคัญทั้งสิ้นที่นำไปสู่โรคเบาหวาน วิธีลดปัญหาโรคอ้วนคือต้องส่งเสริมให้คนไทยบริโภคปลามากขึ้น เพราะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ราคาถูก และอาหารที่มีโอเมก้า – 3 สูง สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานได้ทั้งชนิดที่ 1 และ 2” พญ.ชนิกากล่าว

 

          พญ.ชนิกากล่าวด้วยว่า การสำรวจผู้ป่วย รพ.รามาธิบดีที่มีปัญหาโรคอ้วน 100 รายในปี 2551 หญิง 79 คน ชาย 21 คน อายุเฉลี่ย 44.5 ปี พบคนอ้วนที่รับพลังงานต่ำกว่าเกณฑ์คือ 1,600 กิโลแคลลอรี่ในหญิงถึง 31.6 ต่ำกว่า 2,000 ในชายถึงร้อยละ 33.3 คน ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่บริโภคอาหารที่มีโปรตีนน้อยกว่าเกณฑ์ คือ ร้อยละ 15 ของพลังงานที่ได้รับ ออกกำลังกายน้อยกว่าระดับ เป็นเครื่องยืนยันว่าโรคอ้วนมิใช่แค่บริโภคอาหารเกิน แต่ยังไม่ออกกำลังกายด้วย

 

          ผลพวงดังกล่าวอาจเกิดมาจากสภาพแวดล้อมด้านกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ภาคราชการกำหนดขึ้น อย่างเป็นต้นว่าการจัดทำเขตการค้าเสริมอาเซียน (FTA) ที่อาจส่งผลกระทบอุตสาหกรรมปลาน้ำจืดแหล่งอาหารสำคัญของไทย เรื่องนี้ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อภิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สนับสนุนงบประมาณในการช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการปลาน้ำจืด เพื่อจะเป็นแหล่งอาหารโปรตีนเป็นผลดีแก่สุขภาพคนไทยโดยรวม

 

          ทางด้านศาสตราจารย์นพ.สุรัตน์ โคมินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนวิทยาคลีนิคและโรคเบาหวานรพ.รามาธิบดีกล่าวในโอกาสนี้ว่า การบริโภคปลาซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงกว่าเนื้อวัว เนื้อหมู และช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ย่อยง่ายป้องกันการเกิดโรคอ้วน ปลาเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ที่สำคัญทั้งในปลาน้ำจืดและปลาทะเล ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ช่วยการพัฒนาเสริมสร้างเซลล์สมอง

 

          ทุกหน่วยงานอย่างกรมประมง กรมการค้าต่างประเทศ สหกรณ์ ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการเกษตรแห่งประเทศไทย และ สสส. จึงขอเชิญชวนคนไทยบริโภคปลาเพิ่มขึ้น อย่างที่ได้มีการจัดนิทรรศการ “กินปลาไร้พุงต้านโรคเบาหวาน” ที่ รพ.รามาฯไปแล้วเมื่อวันที่ 29 – 31 ต.ค. และจะจัดขึ้นอีกที่ รพ.พญาไท 2 วันที่ 21 – 22 พ.ย.นี้ ก็เรื่องกินปลาไร้พุงต้านโรคเบาหวานนั่นแหละ

 

          ข้างต้นนั้นมีทั้งรายละเอียดมีทั้งบทสรุปที่ชัดเจนไม่ต้องย้ำอะไรอีกแล้ว ถ้าทุกคนประสงค์จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างมีสุขภาวะที่ดีก็โปรดทำตามนั้นอย่างเคร่งครัด

       

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

 

Update 11-06-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code