กิน นอน ออกกำลัง ‘ปรับเปลี่ยน’ พฤติกรรม

          “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ประโยคคลาสสิกที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ด้วยสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจ ละเลยได้ เราต้องดูแลรักษาให้ร่างกายแข็งแรง แม้หลายสิ่งหลายอย่างเราสามารถทิ้งหรือเปลี่ยนได้ แต่ร่างกายเป็นสิ่งเดียวที่จะอยู่กับเราตราบจนสิ้นอายุขัย

          เพราะสุขภาพดีสามารถสร้างได้ และการจะปลูกฝังเรื่องใดเรื่องหนึ่งถ้าจะให้ได้ผลดีเยี่ยมต้องเริ่มต้นที่ “ครอบครัว”

/data/content/23897/cms/e_bcjlmoqsu238.jpg

          เป็นที่มาของ “ค่ายครอบครัวสุขภาพดี Healthy Family Camp” ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยตัวแทนจากครอบครัวที่มีความหลากหลายเข้าร่วมเพื่อลองปรับชีวิตเข้าหาวิธีการที่จะทำให้มีสุขภาพดี

          นครินทร์ ภระมรทัต นักวิชาการจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้ริเริ่มโครงการในครั้งนี้ เล่าที่มาที่ไปของโครงการเข้าค่ายที่มีทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงวัย ที่ยกกันมาทั้งครอบครัว  

          โดยบอกว่า เป็นโครงการจัดการส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องสุขภาวะ เพื่อให้คนไทยสุขภาพดี ซึ่งรวบรวมกิจกรรมหลายอย่างที่ สสส. เคยทำไว้แล้วมาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้กับครอบครัว เพราะในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิต การขยับร่างกาย รวมถึงการนำสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวมาใช้ในการดูแลสุขภาพ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้จริง

          “ปัญหาสุขภาพที่มีในปัจจุบัน จริงๆ เป็นเรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมมากกว่า ต้องบอกก่อนว่าคนเราอยากจะมีสุขภาพดีทั้งนั้น แต่การใช้ชีวิตที่เร่งรีบประกอบกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดูแลสุขภาพ บางครั้งต้องหาวิธีการบางอย่างเข้ามาช่วยจะต้องไม่สุดโต่งจนทำไม่ได้หรือเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปเลยแบบนี้ก็ไม่ได้

          “เราจะใช้วิธีการเติมบางอย่างเข้ามาให้เกิดความสมดุลเป็นหลัก เช่นพนักงานออฟฟิศ ไม่มีเวลาทำอาหารทานต้องไปซื้อจากข้างทาง เราต้องบอกวิธีเลือกอาหาร รสชาติ หวาน มัน เค็ม ควรจะประมาณไหน หรือถ้ามื้อเช้าเดิมมีข้าวเหนียวหมูปิ้ง อาจจะเติมผักสักหน่อย หรือกินกับน้ำผลไม้ เป็นต้น” นครินทร์อธิบายโดยกิจกรรมครั้งนี้ได้คัดสรรครอบครัว 10 ครอบครัว เพื่อเข้าร่วมอบรมวิธีการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกาย

          เริ่มต้นที่ครอบครัวของ ประสิทธิ์ รักเกียรติสกุล วัย 52 ปี เดินทางมาร่วมกิจกรรมครอบครัวสุขภาพดีพร้อมกับภรรยาและลูกอีก 2 คน เพราะมองว่าปัจจุบันคนค่อนข้างจะหันมาให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพและการดูแลสุขภาพมากกว่าเมื่อก่อน

          “จริงๆ ผมเป็นคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีอยู่แล้ว เพราะเป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องนี้ทั้งอาหารการกินและการออกกำลังกายที่ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมค่ายครอบครัวสุขภาพดี เพราะอยากจะมาลองร่วมกิจกรรม และหวังว่าจะได้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพกลับไป รวมถึงเคล็ดลับการดูสุขภาพเพิ่มเติม เพราะบางอย่างที่เราเคยรู้มาก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้จริงไหม ค่ายนี้ก็น่าจะให้คำตอบได้ ที่สำคัญคืออยากให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์ม มากกว่านี้” ประสิทธิ์กล่าวก่อนทิ้งท้ายด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบาว่า อยากพาภรรยามาร่วมกิจกรรมเพราะว่าเขาน่าจะมีไขมันเยอะ

          ด้านครอบครัว “จิวตระกูล” นำโดย คุณแม่ณฤดี จิวตระกูล วัย 54 ปี เดินทางมาจากจังหวัดชัยนาท เพื่อมาร่วมโครงการพร้อม/data/content/23897/cms/e_bfijknuz4678.jpgปัญหาของลูกชายทั้ง 2 คน ที่แตกต่างมากจนไม่น่าเชื่อ

          ณฤดี เล่าว่า เห็นข่าวจากรายการทีวีว่ารับสมัครครอบครัวมาร่วมกิจกรรมการดูแลสุขภาพ ก็รู้สึกสนใจเพราะลูกชายเรา 2 คน มีปัญหาด้านพฤติกรรมการกินทั้งคู่ ลูกชายคนโตอายุ 23 ปี ไม่ยอมกินข้าวโดยเฉพาะมื้อเช้า ขณะที่ลูกชายคนเล็กตื่นมาประมาณตี 5 ก็กินแล้วและกินตลอดจนเข้านอน

          “ลูกคนเล็กน้ำหนักเยอะมากอายุ 12 หนัก 66.5 กิโลกรัม เราก็เป็นห่วงเรื่องกินเหมือนกันเราซื้อไก่ย่างห้าดาว 1 ตัวมาให้เขากินแล้วบอกว่าเหลือให้ด้วยนะ เขาเหลือน่องไก่ให้น่องเดียว ที่เหลือเขากินคนเดียวหมดเลย ถ้าอยู่กันหลายคนเขาจะลอกหนังกินหมดแล้วเหลือเนื้อๆ ไว้ให้คนอื่น เราก็อยากจะปลี่ยนนิสัยลูกชายทั้ง 2 คน เราเป็นห่วงลูกมาก เพราะอีกคนหนึ่งก็อ้วนมากขณะที่อีกคนก็ผอมมาก ซึ่งเวลาเราบอกอะไรแล้วเขาไม่ค่อยเชื่อ ถ้าเพื่อนบอกเขาจะเชื่อ เลยพามาโครงการนี้ดู และจะนำความรู้และข้อแนะนำไป ปรับใช้”

          ค่ายครอบครัวสุขภาพดีเป็นโครงการหนึ่งเป็นเหมือนการเริ่มต้นก้าวแรกของการมีสุขภาพดี ที่สามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง

 

 

          ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน โดย อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล

Shares:
QR Code :
QR Code