กินอย่างไรเมื่อมีการล้างไต
ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
แฟ้มภาพ
คนเป็นไตวายเมื่อได้รับการรักษาโดยการล้างไตแล้ว บางคนเข้าใจผิดคิดว่าสามารถกินอาหารได้ทุกอย่างตามสบาย ไม่ต้องควบคุมอาหารอีกต่อไป เพราะคิดว่ามีเครื่องมือมาช่วยในการขจัดของเสียในร่างกาย
ภายหลังจากการล้างไตหรือการฟอกเลือดแล้ว ยังมีของเสียตกค้างอยู่ในร่างกายอีกมากมาย คนเป็นไตวายเมื่อได้รับการรักษาโดยการล้างไต จึงควรรู้จักควบคุมอาหาร น้ำ และเกลือแร่อย่างถูกต้องด้วย
ผู้ป่วยไตวายที่อยู่ระหว่างการฟอกเลือดด้วยเครื่องล้างไตเทียม หรือล้างไตผ่านทางช่องท้อง โดยทั่วไปจะมีการสูญเสียสารอาหารต่างๆ ไปพร้อมๆ กับของเสียที่ถูกกำจัดออกด้วย โดยเฉพาะการเสียโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็นกับร่างกาย ดังนั้น คนเป็นไตวายที่ต้องล้างไตไม่ต้องจำกัดโปรตีนหรืออาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากเหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้ล้างไต ในทางกลับกันควรกินมากขึ้นด้วย
โดยทั่วไปควรได้โปรตีนประมาณ 1.0-1.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว ๑ กิโลกรัม หรือประมาณวันละ 10-12 ช้อนกินข้าว ในกรณีที่แพทย์ให้กินกรดอะมิโนที่จำเป็นเสริมกับอาหารด้วยนั้น ก็อาจจะไม่ต้องกินโปรตีนมากขึ้น
โปรตีนที่กินควรเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูงที่ได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อปลา และไข่ขาว เพราะมีไขมันน้อย ย่อยและดูดซึมได้ง่าย สำหรับเนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่มีหนังและไม่ติดมัน ก็สามารถกินได้
การได้โปรตีนเพียงพอหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จากการเจาะเลือด และตรวจหาโปรตีนในเลือดที่เรียกว่าแอลบูมิน (albumin) ซึ่งค่าการตรวจที่ดีควรจะได้ประมาณ 4 มิลลิกรัม / เดซิลิตร ถ้าเจาะเลือดแล้วพบว่ามีค่าแอลบูมินต่ำกว่านี้มาก ก็ต้องพยายามกินโปรตีนมากขึ้น การขาดโปรตีนนาน ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อซูบผอม ภูมิต้านทานโรคต่ำ สุขภาพทรุดโทรม
นอกจากนี้ร่างกายควรได้รับพลังงานโดยรวมจากอาหารหรือที่เรียกว่าแคลอรีมากเพียงพอด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายนำสารโปรตีนมาใช้เผาผลาญเป็นพลังงาน โดยทั่วไปควรได้ประมาณวันละ 30-35 กิโลแคลอรี ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. โดยได้จากทั้งอาหารประเภทข้าวแป้งและไขมัน อาหารประเภทแป้งสามารถกินได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ขนมจีน ขนมปัง เป็นต้น
การที่จะรู้ว่าเราได้รับพลังงานจากอาหารเพียงพอหรือไม่ ให้ดูจากน้ำหนักตัว น้ำหนักตัวในที่นี้หมายถึงน้ำหนักแห้ง (dry weight) คือน้ำหนักในภาวะที่ไม่มีการบวมน้ำ ถ้าพบว่าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ก็แสดงว่ากินอาหารที่ให้พลังงานไม่เพียงพอ ต้องพยายามกินมากขึ้น
นอกจากนี้ ควรเลือกกินอาหารประเภทข้าวแป้งที่ผ่านการขัดสีแล้ว เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับฟอสฟอรัสน้อยลง คนเป็นไตวายเรื้อรังมักมีปัญหาการมีฟอสฟอรัสอยู่สูง จึงต้องจำกัดปริมาณที่กิน อาหารที่มีฟอสฟอรัสอยู่มากคือ เมล็ดพืชต่างๆ เช่น ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ไข่แดง คนเป็นไตวายเรื้อรังควรหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว เพราะการสะสมฟอสฟอรัสในร่างกายมากๆ จะมีผลต่อระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ และวิตามินดี ทำให้เกิดภาวะกระดูกผุ และอาการกล้ามเนื้ออ่อนเพลียได้ อย่างไรก็ตามแพทย์มักจะสั่งยาที่สามารถจับฟอสเฟต(ฟอสฟอรัส) ให้กินร่วมไปด้วยเพื่อบรรเทาปัญหานี้
คนเป็นไตวายที่รักษาด้วยการล้างไตยังต้องจำกัดการบริโภคเกลือแร่โซเดียมและโปตัสเซียมด้วย การได้โซเดียมหรือกินเค็มมากเกินไปจะทำให้มีน้ำสะสมในร่างกายมากตามไปด้วย เมื่อมีน้ำมากจะเกิดความดันโลหิตสูง น้ำท่วมปอด หรือหัวใจวายได้ง่าย
ผู้เป็นไตวายเรื้อรังไม่ว่าจะล้างไตหรือไม่ ต้องจำกัดโซเดียมในอาหารไม่ให้เกิน 2000 มก / วัน หรือคิดเป็นแกลือแกงประมาณ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา / ซีอิ๊ว ไม่เกิน 3-4 ช้อนชา โดยทั่วไปจะแนะนำให้ใช้น้ำปลาหรือซีอิ๊วในการประกอบอาหารได้มื้อละ 1 ช้อนชา และไม่ให้มีการเติมเพิ่มอีกระหว่างการกิน
คนมีปัญหาไตวายเรื้อรังไม่แนะนำให้ใช้เกลือหรือเครื่องปรุงรสที่มีการใช้สารทดแทนโซเดียม (salt substitute) เพราะจะมีการเติมโปตัสเซียมเข้าไปแทน ซึ่งคนเป็นไตวายมักจะมีปัญหาเรื่องโปตัสเซียมในเลือดสูงอยู่แล้ว
การมีโปตัสเซียมในเลือดสูงมากเกินไป จะทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ผลไม้ส่วนใหญ่มักมีโปตัสเซียมสูง โดยเฉพาะกล้วย แคนตาลูป ฝรั่ง ทุเรียน ลูกเกด ลูกพรุนแห้ง เป็นต้น โดยทั่วไปจึงแนะนำให้คนเป็นไตวายที่ฟอกเลือด กินผลไม้เฉพาะตอนเช้าของวันฟอกเลือดเท่านั้น เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและธาตุอาหารอื่นๆ พร้อมกับโปตัสเซียมที่กินเกินไปนั้น ถูกขับออกในระหว่างการฟอกเลือดด้วย
คนเป็นไตวายที่ต้องล้างไตมักพบปัญหาเรื่องภาวะน้ำเกิน จึงต้องระวังเรื่องปริมาณน้ำที่ดื่มเข้าไป เพราะถ้าไม่ควบคุมปริมาณน้ำ จะมีผลทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น และมีอาการบวมมากขึ้น ข้อแนะนำทั่วไปให้ดื่มน้ำได้เท่ากับปริมาณปัสสาวะต่อวัน บวกกับอีกวันละ 500 ซีซี ดังนั้น หากไม่มีปัสสาวะเลยหรือมีน้อยมาก สามารถดื่มน้ำได้ไม่เกินวันละ 500 ซีซี หรือ ประมาณ 1/2 ขวดแม่โขง ปริมาณน้ำที่กล่าวถึงนี้รวมทั้งน้ำเปล่า เครื่องดื่มทุกชนิด และอาหารทุกอย่างที่เป็นของเหลวด้วย
ดังนั้นจึงต้องระวังอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ข้าวต้ม โจ๊ก ต้มจืด ต้มยำ แกงเขียวหวาน ชา กาแฟ แตงโม สับปะรด เป็นต้น เมื่อรู้สึกกระหายน้ำควร จิบน้ำทีละน้อย หรืออมน้ำแข็งให้ค่อยๆละลาย (ปริมาณของน้ำแข็งต้องรวมกับปริมาณน้ำที่ควรดื่มด้วย) และควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพราะจะทำให้กระหายน้ำมากขึ้น
การจะรู้ว่าเราได้รับน้ำเกินไปหรือไม่ ให้ดูจากน้ำหนักตัว ถ้ามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแสดงว่ามีน้ำเกิน สำหรับคนที่ฟอกเลือดน้ำหนักสามารถขึ้นได้ไม่เกินวันละ 1 กก. เพราะถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากในวันที่ฟอกเลือดจะต้องพยายามดึงน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ตะคริว ความดันเลือดต่ำลงมากได้
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการฟอกเลือดด้วยเครื่องล้างไตเทียม หรือล้างไตผ่านทางช่องท้อง ควรได้รับการตรวจเลือดสม่ำเสมอ ว่ามีสารประเภทใดในเลือดที่สูงหรือต่ำกว่าปกติมากหรือไม่ เพื่อที่จะได้ควบคุมได้ถูกต้อง ถ้าเป็นไปได้ควรปรึกษากับนักกำหนดอาหารหรือนักโภชนาการ ถึงวิธีปฏิบัติตนในเรื่องอาหารการกินที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน เพราะทำให้ภาวะแทรกซ้อนลดลง และมีชีวิตที่เป็นสุขมากขึ้น