กินอยู่รู้ทัน ป้องกัน ‘เบาหวาน’
อธิบดีกรมการแพทย์ เผย โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย และยังมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่โรคเบาหวานไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หากรู้จักควบคุมเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด และหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดช่วยลดเสี่ยงโรค
แฟ้มภาพ
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เบาหวานเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย ที่ไม่สามารถใช้น้ำตาลได้ตามปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และถูกขับออกมาทางปัสสาวะ เนื่องจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน จากการที่ตับอ่อนผลิตไม่พอใช้ หรือผลิตแล้วใช้ไม่ได้ตามปกติ เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่นาน จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง ส่งผลทำให้หลอดเลือดเสื่อมเสียหาย และทำลายอวัยวะส่วนปลายทาง เช่น ไต สมอง หัวใจ เป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ความดันโลหิต และไขมันสูงร่วมด้วย โดยปกติในกระแสเลือดของเราจะมีน้ำตาลอยู่ในระดับที่พอดีสำหรับการนำไปใช้ คือ 70 – 120 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ไตจะกรองน้ำตาลออกมาในปัสสาวะ ทำให้สามารถตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะได้
โรคเบาหวาน มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่พึ่งอินซูลิน มักพบในเด็ก หรือวัยรุ่น ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลินทุกวันตลอดชีวิต ถ้าขาดจะเป็นอันตรายได้ และชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลินพบมากกว่าชนิดแรก ประมาณร้อยละ 90 – 95 ของคนไข้เบาหวาน มักพบในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
สำหรับอาการที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคเบาหวาน เช่น ปัสสาวะบ่อยและมาก ปัสสาวะกลางคืน คอแห้ง กระหายน้ำ ดื่มน้ำมาก หิวบ่อย กินจุ แต่น้ำหนักลด ผอมลง อ่อนเพลีย เป็นแผลหรือฝีง่ายแต่หายยาก คันตามผิวหนังและอวัยวะสืบพันธุ์ ตาพร่ามัว ชาปลายมือปลายเท้า ความรู้สึกทางเพศลดลง โดยมีสาเหตุมาจากภาวะน้ำหนักเกิน ความอ้วน ขาดการเคลื่อนไหวไม่ออกกำลังกาย และกรรมพันธุ์ มักพบโรคนี้ในผู้ที่มีบิดา มารดา เป็นเบาหวานลูกจะมีโอกาสเป็นเบาหวาน 6 – 10 เท่า ของคนที่พ่อแม่เป็นเบาหวาน ความเครียดเรื้อรัง ทำให้อินซูลินทำงานนำน้ำตาลเข้าเนื้อเยื่อไม่เต็มที่ รวมถึงเชื้อโรคหรือยาบางชนิด เกิดร่วมกับโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมอง หรือต่อมหมวกไต เป็นต้น
โรคเบาหวานถึงแม้ว่าจะเป็นโรคเรื้อรัง และมีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง แต่ก็สามารถป้องกันได้ โดยการควบคุมระดับน้ำตาลและปัจจัยเสี่ยง เช่น บริโภคอาหารที่สมดุลกับสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เครียด และตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น
อธิบดีกรมการแพทย์ แนะ หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ควรเข้ารับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด จากสถานบริการรักษาพยาบาลพื้นฐาน โดยก่อนตรวจจะต้องงดอาหารทุกชนิด ยกเว้นน้ำเปล่า อย่างน้อย 8 ชั่วโมง และควรดูแลสุขภาพ เลือกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีกากใยมากขึ้น เช่น ข้าวซ้อมมือ รับประทานผักให้มากขึ้น เน้นรับประทานประเภทผักใบ เช่น ผักกาดขาว คื่นฉ่าย ตำลึง คะน้า เป็นต้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารหมักดอง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส จะช่วยให้ห่างไกลโรคได้
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า