กินดีต้านโรค ถ้ารู้ทันคุณ – โทษของอาหาร

สำนวน ‘you are what you eat’ ฮิตติดปากคนทั่วโลกมานานกว่าทศวรรษ แต่เหมือนรู้ทั้งรู้ว่าการกินดี ช่วยสร้างประโยชน์ให้มีสุขภาพแข็งแรงได้อย่างไร คนไทยและเทศก็ยังกินตามใจปากอยู่นั่นเอง นับเป็นอันตรายต่อสุขภาพที่ทำให้ยอดผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือด เบาหวาน ฯลฯ ไม่ลดลงเสียที

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายอีกกว่า 20 ภาคีจึงผนึกกำลังตอกย้ำให้คนไทยรู้คุณค่าและประโยชน์ของการกินอาหารที่มีประโยชน์ ด้วยการจัดนิทรรศการอาหาร “เส้นทางกิน [พอ] ดี สู่ชีวีมีสุข” และงาน green consumer society fair ขึ้น ณ บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ซ.งามดูพลี โดยมี นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรองประธานคณะกรรมการกองทุน สสส. เป็นประธานเปิด โดยมีคณะกรรมการกองทุน สสส. ภาคีเครือข่าย และผู้สนใจร่วมเป็นสักขีพยาน

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สธ. กล่าวว่า สธ. ดำเนินงานด้านอาหารแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เรื่อยมา ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์การอาหารและยา โดยมีความพยายามที่จะส่งเสริมให้มีมาตรฐานของอาหารปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางการผลิต เช่น การกำหนดนโยบายร่วมกันกระทรวงเกษตรฯ ประกาศห้ามใช้สารเคมีชนิดที่เป็นอันตราย จากนั้นประสานงานไปที่กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอ “ห้าม” การนำเข้าสารเคมีกลุ่มนั้นเข้าประเทศ

“ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมในการบริโภคอาหารเป็นปัจจัยสำคัญ โดยในปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากพฤติกรรมการกินสูงถึง 400,000 คนต่อปี นอกจากนี้คนในเมืองกรุงเองก็มีพฤติกรรมในการบริโภคอาหารนอกบ้านสูงถึงร้อยละ 80 ด้วย เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องช่วยกันรณรงค์ก็คือ การให้องค์ความรู้แก่ประชาชนไว้เป็นข้อมูลในการป้องกันตัวเอง อาทิ หลักการเลือกรับประทานอาหารปลอดภัย 4 ประการ ได้แก่ เลือกอาหารเหมาะสมกับปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวัน เลือกอาหารที่มีการรับรองคุณภาพจากแหล่งน่าเชื่อถือ เลือกอาหารสะอาดและปลอดภัย และเลือกอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ” นพ.ประดิษฐกล่าว

ด้าน ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า รายงานสุขภาพคนไทยในปี 2551-2552 พบว่า คนไทยบริโภคผักลดลงจากร้อยละ 21.9 เหลือ 17.7 โดยภาคกลางมีการบริโภคผักน้อยที่สุดเพียงร้อยละ 14.45 เท่านั้น และจากการสำรวจยังพบว่า ผักผลไม้ตามท้องตลาดไทยมีสารเคมีตกค้างสูงถึง 40%

สำหรับเหตุผลในการจัดนิทรรศการ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ตอนนี้ประเด็นสำคัญคือ การสร้างความตระหนักถึงพฤติกรรมการกินอาหารที่เหมาะสมและปลอดภัยให้แก่ประชาชนทั่วไป องค์กรต่างๆ และเครือข่ายของเราได้รับรู้ งานนี้จึงรวบรวมองค์ความรู้ที่ สสส.ได้สนับสนุนมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ตกผลึกมาเป็นองค์ความรู้ที่เข้าใจง่าย แบ่งพื้นที่ในการให้ความรู้ออกเป็น 3 โซน คือ 1. จุดเริ่มต้น : ‘อยู่ดี กินดี’ ที่จะบอกเราว่า ไม่ใช่แค่การกินอาหารอร่อยเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นอาหารที่มีคุณค่าด้วย 2. อันตรายรายทาง ชี้ให้เห็นถึงอาหารจำนวนมากที่เราเห็นตามท้องตลาดเป็นอาหารไม่ปลอดภัย 3. จุดหมายปลายทาง : สู่เส้นทางอาหารปลอดภัย เสนอทางเลือกใหม่ของการกินครบวงจรทั้งในโรงเรียน โรงพยาบาล และตลาดสด

งานนี้มีผู้มาร่วมชมนิทรรศการเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ สุวิมล เชื้อชาญวงศ์ อายุ 62 ปี ที่ทราบข่าวกิจกรรมจากทางหน้าเว็บไซต์ www.thaihealth.or.th เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ จึงอยากมาหาความรู้เพิ่มเติม เมื่อก่อนเจ็บป่วยบ่อย ทั้งร้อนใน เจ็บคอ และแพ้อากาศ แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วมาตั้งต้นปรับการกินอาหารเสียใหม่ อาการเจ็บป่วยต่างๆ ที่เคยเป็นก็ดีขึ้น จากที่บริจาคเลือดไม่ได้ก็บริจาคได้

“ทุกวันนี้เกษียณแล้วอยู่กับบ้าน จึงใช้อินเทอร์เน็ตหาความรู้ในการดูแลสุขภาพของตัวเอง พอทราบข่าวว่ามีกิจกรรมที่นี่ก็รีบมา เพราะอยากรู้ว่าจะเลือกกินอย่างไรให้มีสุขภาพดี ทุกวันนี้ลดปริมาณการกินเนื้อสัตว์ลงไปมาก ทานผักและผลไม้เป็นหลัก จึงเป็นห่วงในเรื่องของการใช้สารเคมีในผักและผลไม้มากเป็นพิเศษ” สุวิมลกล่าว

นอกจากนั้น โจ-นินนาท สินไชย นักแสดงชื่อดังที่หันไปปลูกผักรับประทานเอง จนกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพใหม่ เล่าถึงที่มาการปลูกผักออร์แกนิกว่า เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่คนสมัยก่อนใช้ชีวิตอิงอาศัยอยู่กับธรรมชาติได้จริงๆ ฉะนั้นในเมื่อสมัยที่ยังไม่มีการใช้สารเคมี มนุษย์ยังสามารถปลูกผักและดำรงชีวิตอยู่ได้ ทำไมตอนนี้ถึงจะทำไม่ได้

 “ผมเป็นคนสุขภาพแข็งแรงดีครับ ไม่ได้เจ็บไข้หรือป่วยเป็นอะไรถึงต้องหันมาดูแลสุขภาพ ทุกวันนี้ผมเชื่อว่าเรากินดี สุขภาพดีได้ ไม่จำเป็นต้องรอป่วย” ดารานักแสดงดังชวนหันมาดูแลสุขภาพใส่ใจการบริโภค

นิทรรศการ “เส้นทางกิน [พอ] ดี สู่ชีวีมีสุข” นี้ จึงไม่ควรพลาด เพราะการ ‘กินดี’ ไม่ใช่แค่ ‘กินอร่อย’ แต่ต้องรู้ว่าสิ่งที่กินนั้นมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร เปิดให้ชมแล้ววันนี้-วันที่ 27 เมษายน 2556 ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น. และวันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ซ.งามดูพลี

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

Shares:
QR Code :
QR Code