การเลือกรสชาติของอาหารและข้อควรระวัง

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน


การเลือกรสชาติของอาหารและข้อควรระวัง thaihealth


แฟ้มภาพ


การกินอาหารที่มีรสชาติเดียวกันซ้ำซากทุกสถานการณ์ ย่อมก่อให้เกิดความเสียสมดุลของธาตุในร่างกาย การเลือกรสชาติของอาหารแต่ละประเภทมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้


รสเปรี้ยว วิ่งเส้นตับ (ธาตุไม้) รสเปรี้ยวมีสรรพคุณ พยุง เหนี่ยวรั้ง ทำให้หยุด ระงับการหลั่งเหงื่อ ระงับการปล่อยสารคัดหลั่งต่างๆ การหยุดเลือด คนที่มีภาวะของตับเลือดพร่องให้กินของเปรี้ยวได้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นโรคตับ (ภาวะของตับพร่องมากแล้ว) ห้ามกินของเปรี้ยวโดยเด็ดขาด นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุดิน (กระเพาะ ม้าม)


รสเผ็ด วิ่งเส้นปอด (ธาตุทอง) รสเผ็ดมีสรรพคุณ กระจาย แผ่ซ่าน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด คนที่ภาวะปอดอ่อนแอควรกินอาหารรสเผ็ดให้มากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคปอด (ภาระปอดพร่องมากแล้ว) ห้ามกินของเผ็ดโดยเด็ดขาด นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสเผ็ดมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุไม้ (ตับ)


รสหวาน วิ่งเส้นม้าม (ธาตุดิน) รสหวานมีสรรพคุณ บำรุงเสริมสร้าง ลดการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด คนที่ระบบการย่อยอ่อนแอ พลังม้ามบกพร่องให้กินอาหารรสหวานมากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคที่เกี่ยวกับการย่อยอาหารอ่อนแอมากๆ โรคเกี่ยวกับเอ็น ไม่ควรกินของหวานจัด นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสหวานมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุน้ำ (ไต)


รสเค็ม วิ่งเส้นไต (ธาตุน้ำ) รสเค็มมีสรรพคุณ ช่วยการสลายทำให้นิ่ม (สลายก้อนแข็ง) ช่วยระบาย แก้ท้องผูก คนที่มีไตพร่อง (ร้อนใน คอแห้ง ท้องผูก เหงื่อออกตามมือ, เท้า ปอด เมื่อยเอว สมรรถภาพทางเพศลดลง) ให้กินอาหารรสเค็มมากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคที่เกี่ยวกับไต (ไตอ่อนแอมากแล้ว) หรือโรคเลือด ห้ามกินของเค็ม นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไป จะกระทบกระเทือนธาตุไฟ (หัวใจ รวมทั้งระบบประสาท)


รสขม วิ่งเส้นหัวใจ (ธาตุไฟ) รสขมมีสรรพคุณขจัดร้อน สลายไฟ (ความร้อนในตัว) คนที่เลือดหัวใจพร่อง(นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ความรู้สึกร้อนในตัว ร้อนฝ่ามือฝ่าเท้า มีแผลร้อนในปาก กินอาหารรสขมมากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคพลังหัวใจพร่องมาก หรือโรคปวดกระดูก คอแห้ง ลิ้นแดง ไม่ควรกินอาหารรสขม นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสขมมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุทอง (ปอด)

Shares:
QR Code :
QR Code