การศึกษาไม่ต้องเสี่ยงทาย

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ภาพประกอบจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ


การศึกษาไม่ต้องเสี่ยงทาย thaihealth


คุณภาพการศึกษาและความเท่าเทียม ของเด็กไทยคือเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอยู่ตลอดเวลา อย่างในงาน Ideas For Thai Education โดย ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้ ร่วมกันแก้ไขปัญหาการศึกษาอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม โดยในปีนี้ได้ใช้ชื่อ ตอนว่า "การศึกษา (ไม่ต้อง) เสี่ยงทาย งานมีขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ณ หอศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร


ภายในงานได้มีการพูดถึงความ ร่วมมือด้านการศึกษาจากภาคส่วนต่างๆ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาคุณภาพให้เกิดขึ้นในประเทศจากผู้คนในแวดวงต่างๆ โดยอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญในงานคือ ปาฐกถาหัวข้อ "คนรุ่นใหม่กับการเปลี่ยนแปลงสังคม" นำทีมถกปัญหาการศึกษาไทยและนำเสนอหนทางแก้ไข ที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมได้ เริ่มด้วย ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงทัศนะถึงการให้คุณค่ากับคนรุ่นใหม่ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลง


"ผมคิดว่าการที่มีคนรุ่นใหม่หลุดเข้ามาในระบบการศึกษามากขึ้นๆ กำลังเป็นระลอกคลื่นที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เข้ามาในระบบเพื่ออยู่และเรียนรู้ เพื่อทำดีที่สุดในชั่วโมงการสอนของตน เพื่อให้เด็กๆ เข้าถึงโอกาสที่ดีทางการศึกษา นี่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญของบ้านเรา ที่คนหนุ่มสาวใช้เวลาสองปีที่ดีที่สุดหลังเรียนจบเพื่อทุ่มเทให้นักเรียนในห้องเรียนของพวกเขา หลังจากสองปี ไม่ว่าเขาจะจบไปเป็นครูหรือไปสู่สายงานอื่น ผมเชื่อว่าสองปีที่เข้ามาเรียนรู้ มันจะเปลี่ยนแปลงตัวเขาไปอีกนาน"


ด้าน รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี  ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เผยถึงการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยไว้ว่า "เรากำลังต้องการให้สังคมไทยช่วยส่งสัญญาณยกเลิกการสอบเข้า ป.1 ทั้งประเทศ ยกเลิกการจัดแปดกลุ่มสาระในระดับชั้นที่ ป.1-3 แล้วให้เด็กเรียนตามสมรรถนะ และเรายังหวังให้มีการยกเลิกห้องคิงควีนทั้งหมดเพราะนั่นคือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างแท้จริง"


การศึกษาไม่ต้องเสี่ยงทาย thaihealth


นอกจากนี้ คุณหมอยังฝากแง่คิดที่น่าสนใจเอาไว้ว่า "innovation Thailand 4.0 ไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยเด็กเลี้ยงง่ายและคิดในกรอบ สิ่งที่หมอส่งสัญญาณให้กับประเทศไทยคือ อย่าเลี้ยงลูกแบบ เปรียบเทียบ เพราะเด็กทุกคนมีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์เป็นพื้นฐานอารมณ์ที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้น ในปัจจุบันที่ค่าแรงบันดาลใจของเด็กไทยเป็นศูนย์ เราอาจจะต้องเริ่มต้นด้วยการให้เด็กๆ สะท้อนในแต่ละวันว่า เขารู้สึกอย่างไร เรียนรู้อะไรในวันนี้ และพรุ่งนี้จะทำอย่างไรต่อ แค่เพียงสามคำถามนี้จะทำให้เด็กรู้จักการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ได้กรอบความคิดและการวางแผนชีวิตทันที"


สำหรับ ท็อป-พิพัฒน์  อภิรักษ์ธนากร พิธีกร นักออกแบบ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ก่อตั้ง Eco Shop Common ศูนย์การเรียนรู้งานออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ทำงานด้านการศึกษาโดยตรง แต่การทำงานออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมก็นับเป็นอีกหนึ่งมิติที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมคุณภาพ ทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงการนำศักยภาพและสิ่งที่ตนชอบมาสร้างประโยชน์ เขายอมรับว่า เด็กๆ ไม่ชอบเรียนหนังสือ เป็นเด็กหลังห้อง และ เลิกเรียนเลขตั้งแต่ ม.1 เพราะไม่เข้าใจว่าจะเรียนทำไม


การศึกษาไม่ต้องเสี่ยงทาย thaihealth


"แต่ถ้าเกิดตอนนั้นครูวิชาเลขบอกผมว่า เราจะเรียนย้ายสมการกันไปทำไม ไม่แน่ตอนนี้ผมอาจจะกลายเป็นนักคณิตศาสตร์ก็ได้ การสอนในห้องเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กคนหนึ่ง แต่การที่ได้ไปเห็น สัมผัส เรียนรู้ มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเด็กคนหนึ่งมากกว่าการอยู่ใน safe zone ผมจึงมองว่าเราจะต้องพาเด็กไปเรียนรู้ด้วยตัวตนของเขาจริงๆ แทนที่จะพูดปากเปล่าหรือดูแค่จากตำรา"


ส่วน จักรกฤต โยมพยอม หรือ  ครูทอม คำไทย ผู้เชี่ยวชาญด้าน ภาษาไทยขวัญใจเด็กรุ่นใหม่ อาจารย์พิเศษสอนเด็กด้อยโอกาสตามจังหวัดต่างๆ รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชูประเด็นสื่อออนไลน์ อีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งเอื้อให้การศึกษาและภาษาไทยไร้พรมแดน เพื่อขยายโอกาสให้เด็กไทย เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพมากขึ้น ครูทอมแบ่งปันแนวคิดที่น่าสนใจไว้ว่า


"เราไม่ควรจะทำให้เด็กรู้สึกว่าเรียนเพื่อใช้สอบ แต่เด็กควรได้รู้สึกว่าเรียนเพื่อนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เวลาที่ผมได้รับมอบหมายให้ไปสอนกวดวิชาให้เด็กๆ ผมได้อยู่กับเด็กน้อยมาก สิ่งที่ผมจะทำ ก็คือทำอย่างไรก็ได้ทำให้ เด็กรู้สึกสนุกกับการเรียนภาษาไทย และอยากจะไปต่อยอดด้วยตนเอง เคล็ดลับ หนึ่งที่ใช้คือ เราติดตามข่าวสารด้วยวัยที่ไม่ต่างกันมากนัก รู้ว่าตอนนี้เด็กสนใจ แล้วนำมาใช้เป็นสื่อการสอนกับเด็ก เหมือนเป็นการลดช่องว่างระหว่าง ครูกับเด็ก"


การศึกษาไม่ต้องเสี่ยงทาย thaihealth


ศุภเกียรติ ยมบุญ ศิษย์เก่าผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 1 และเจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาศักยภาพครู มูลนิธิสยามกัมมาจล ได้บอกเล่าถึงการนำประสบการณ์การเป็นครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปใช้การเปลี่ยนแปลง การศึกษา


"หลายๆ ครั้งที่เราเข้าไปเปลี่ยนแปลง เราจะพบเครื่องมือต่างๆ และพบว่าเราต้องเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรในพื้นที่นั้น แต่เราต้องคำนึงด้วยว่า ต้นทุนที่ดีของชุมชนนั้นคืออะไร  หลายครั้งเราคิดจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโดยไม่คำนึงว่าเด็กพร้อมที่จะเรียนหรือครูพร้อมที่จะสอนหรือไม่ การที่เราจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาของประเทศไทย สิ่งหนึ่งคือเราต้องมีความเชื่อคือ เด็กทุกคนแม้มีต้นทุนที่ต่างกัน แต่ทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้"


นอกจากการเสวนา และปาฐกถาแล้ว ในบริเวณงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ เกมบันไดการศึกษา เกมที่จำลองสถานการณ์ความไม่เท่าเทียมของระบบการศึกษาที่เด็กไทยต้องเผชิญ เพื่อสร้างความตระหนักต่อสถานการณ์การศึกษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กยากไร้ที่ไม่สามารถเลือกคุณภาพการศึกษาให้กับตัวเองได้


ภายในงานยังมีกิจกรรมแนะนำโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้แก่ผู้ที่สนใจพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านบทบาทการเป็นครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง 2 ปี เพื่อสร้างอนาคตที่ดีแก่เด็กๆ และสร้างเครือข่ายผู้นำการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ที่พร้อมผลักดันให้เด็กไทย ทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ


ทั้งหมด เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า การศึกษาของเด็กไทยนั้น จริงๆ แล้วล้วนเกี่ยวข้องกับทุกคน เราจะต้อง พาเด็กไปเรียนรู้ ด้วยตัวตนของเขาจริงๆ แทนที่จะพูดปากเปล่า หรือดูแค่จากตำรา

Shares:
QR Code :
QR Code