“กองทุนสื่อสร้างสรรค์” ความหวังที่จะมีสื่อดี
และผู้ผลิตสื่อดีในสังคมไทย
“ธีระ” เตรียมชงครม.ตั้งกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ยันคลอดทันปี 52 ด้าน“หมอประเวศ” ย้ำ ระบบการศึกษาไทยอ่อนแอ วางโครงสร้างผิดพลาด ทำเด็กตกนรก เหตุใช้วิชาเป็นตัวตั้งความสำเร็จ มองข้ามคุณค่าของชีวิต แนะรัฐลงทุนเพื่อเด็กและเยาวชนเป็นงานระดับชาติ ชี้ 7 แนวทาง สร้างสูตรสำเร็จโครงสร้างปฏิรูปประเทศไทยครบวงจร
ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน “มหกรรมสื่อสร้างสรรค์ เพื่อเด็กและเยาวชนครั้งที่ 1” โดย นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม(วธ.) กล่าวว่า วธ. มีนโยบายแก้ไขปัญหาสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดจากสื่ออย่างเป็นระบบ ทั้งช่องทางกฎหมาย และแสวงหาความร่วมมือกับภาคประชาสังคม ขณะนี้ตนได้ผลักดันให้จัดตั้งกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมสื่อดีให้เกิดขึ้นในไทย ซึ่งจะสนับสนุนส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตสื่อ และผู้รับสื่อไปพร้อมกัน จะเป็นการผ่าทางตันหาทางออกให้สื่อเด็ก โดยอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ จากประชาชนทั่วประเทศ จากนั้นจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ตนพร้อมจะผลักดันให้กองทุนสื่อสร้างสรรค์ เกิดขึ้นให้ทันในรัฐบาลชุดนี้ ภายในปี 2552
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสื่อสร้างสรรค์ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดสื่อดี และผู้ผลิตสื่อดีในสังคม เกิดจากการผลักดันของเครือข่ายเยาวชนและครอบครัว ที่เดินหน้าต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 น่ายินดีว่ารัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมี พ.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เป็นประธาน และนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เป็นรองประธาน ซึ่งจัดเรื่อง “กองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” เป็นวาระสำคัญ
“ขณะนี้คณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ ได้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสื่อสร้างสรรค์ แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือให้ รมว.วัฒนธรรม นำเสนอเข้า ครม. และไปสู่สภาฯตามขั้นตอน ซึ่งงบประมาณ ส่วนหนึ่งจะมาจาก “ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่” ที่ได้กำหนดให้จัดสรรงบประมาณ 5%
ให้กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ฯ และสนับสนุนกองทุนสื่อสร้างสรรค์ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีความคืบหน้าไปมาก”รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
ศ.นพ. ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ปฏิรูปประเทศไทย ด้วยสื่อสร้างสรรค์เพื่อเด็กและเยาวชน” ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ เด็กและเยาวชนในประเทศไทย มีประมาณ 14 ล้านคน ซึ่งการลงทุนสำหรับเด็กและเยาวชน ที่เป็นอนาคตของชาติ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก รัฐบาลต้องให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นๆ โดยต้องมองเชิงระบบโครงสร้างแบบครบวงจร แบ่งได้ 7 ส่วน ดังนี้ 1.ระดับหมู่บ้าน รัฐบาลต้องร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สนับสนุนงบส่งเสริมให้ทุกหมู่บ้านเกิดชมรมรักการอ่าน จัดห้องสมุดประจำหมู่บ้าน 76,000 แห่งทั่วประเทศ เชื่อมโยงความรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อตัดวงจรอุบาทว์ที่เกิดในชุมชน 2.ตั้งศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบล อาทิ พิพิธภัณฑ์ตำบล ศูนย์ศิลปะการเรียนรู้ และตลาดชุมชน 3. ระดับจังหวัด ควรมีคณะทำงานเพื่อเด็ก สร้างเครือข่ายเยาวชนให้ครอบคลุม ดำเนินงานได้อย่างครบวงจร
ข้อที่ 4.ระดับชาติ ต้องผลิตสื่อทุกประเภท ให้เป็นสื่อที่ดีและสร้างสรรค์ จัดศูนย์จัดการความรู้ ประสานกับมหาวิทยาลัย ที่ผ่านมา จะเห็นว่าระบบการศึกษาของไทยอ่อนแอ นำวิชาเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของการเรียน แต่ไม่ใช้ชีวิตของคนเป็นตัวตั้ง นี่คือความผิดพลาดอย่างร้ายแรง ต่อระบบการศึกษาไทย ที่สร้างความเชื่อที่ผิด สร้างความทุกข์ยากให้แผ่นดิน เพราะเอาคุณค่าของเด็กไทยไปวางกับประตูแคบๆของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าใครสอบเข้าไม่ได้ เหมือนกับคนตกนรก ทำให้เด็กต้องวิ่งเต้นติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เสียเงินเสียทอง สร้างความเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน นอกจากนี้สังคมไทยถูกกำหนดให้มีระบบชนชั้น ดูถูกคนที่ด้อยกว่า ไม่เคารพศักดิ์ศรีของชนชั้นล่าง จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องสร้างให้เด็กและเยาวชนเคารพและให้เกียรติกัน”นพ.ประเวศ กล่าวและว่า ข้อ 5.ควรตั้งมูลนิธิ สื่อสร้างสรรค์ ขยายเครือข่ายการทำงานเด็กและเยาวชน ผลักดันนโยบายเกี่ยวกับการสร้างคุณค่าให้เด็กและเยาวชน 6.สร้างภาคีเพื่อเด็กและเยาวชน 7. สร้างกองทุนการเงินและการคลังเพื่อสังคม
ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
Update: 13-11-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย