กลับบ้านปลอดภัย ไร้บุหรี่และสุรา
ที่มา : พัชรี บอนคำ Team content www.thaihealth.or.th
แฟ้มภาพ
‘รถไฟ’ ถือได้ว่าเป็นยานพาหนะที่มีเส้นทางการคมนาคมที่กำลังรุ่งเรือง มีประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม สามารถขนส่งด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เหตุนี้รถไฟจึงเป็นอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวและประชาชนจะเลือกใช้บริการเป็นจำนวนมาก และอีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่ หลายๆ คนเริ่มถยอยเดินทางออกต่างจังหวัด โดยใช้บริการการเดินทางด้วยรถไฟ ทำให้บางครั้งเกิดความวุ่นวายไม่เคารพกฎ ดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่บนรถไฟ
ดังนั้นเพื่อเป็นการสื่อสารให้ประประชาชนตระหนักถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องของบุหรี่และสุราบนขบวนรถไฟและในสถานี อีกทั้งเพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนที่ใช้บริการรถไฟอย่าละเมิดกฎหมายขายดื่มสุรา-สูบบุหรี่ และหยุดพฤติกรรมเสี่ยง สร้างความเดือดร้อนรำคาญในระหว่างการเดินทาง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยกองบังคับการตำรวจรถไฟ และภาคีเครือข่าย ได้จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ ชูแนวคิด “บนรถไฟและสถานี ปลอดบุหรี่และสุรา” ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง ภายในงานได้มีการแสดงจำลองสถานการณ์ “พฤติกรรมเสี่ยง และผิดกฎหมายบนรถไฟ” จากน้องๆ เยาวชนที่เข้ามาร่วมงาน จากนั้นได้มีการกล่าวเจตนารมณ์รณรงค์ให้รถไฟและสถานี ปลอดบุหรี่และสุรา
ขณะที่ สสส.เป็นหนึ่งหน่วยงานที่ดำเนินงาน และให้ความสำคัญของโทษบุหรี่และสุรามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายเยาวชน หรือกิจกรรมโครงการต่างๆ เช่น เมาไม่ขับ, ให้เหล้าเท่ากับแช่ง, โครงการ "งดเหล้า พักตับ ครบพรรษา" หรือกิจกรรมรณรงค์ลดสูบบุหรี่วันแม่แห่งชาติ เป็นต้น โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า รถไฟถือเป็นเส้นทางการเดินรถเส้นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก มีแนวโน้มเป็นการเดินทางที่สำคัญทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งในกิจกรรมรณรงค์บนรถไฟและสถานีปลอดบุหรี่และสุราที่จัดขึ้นในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสื่อสารสังคมให้ตระหนักถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องของบุหรี่และสุราบนขบวนรถไฟและในบริเวณสถานี ซึ่งจะสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ
“ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายห้ามดื่มสุราบริเวณสถานีและบนขบวนรถไฟ เมื่อปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของเครือข่ายองค์กรงดเหล้า พบว่า ประชาชนร้อยละ 93.5 สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอันดับต้นๆ คือ 1.เสียงดังรบกวนสร้างความรำคาญ 44.23% 2.ทะเลาะวิวาท 29.31% 3.อุบัติเหตุ 10.6 % 4.ลวนลาม/คุกคามทางเพศ 8.45% 5.ลักขโมย 7.41% การร่วมปฏิบัติตามกฎหมายนี้เอง เป็นกฎหมายสำคัญที่จะขยายพื้นที่ปลอดภัยให้ครอบคลุมพื้นที่รถไฟทั้งหมด ประกอบกับกฎหมายเดิมที่สืบเนื่องต่อมาเกี่ยวกับการห้ามสูบบุหรี่ก็ได้รับการดูแลที่เข้มงวดขึ้น ทำให้โดยรวมพื้นที่ของสถานีรถไฟจัดได้ว่าเป็นพื้นที่ลดปัจจัยเสี่ยง และเป็นพื้นที่สร้างเสริมสุขภาพด้วย ดังนั้นกิจกรรมวันนี้ถือเป็นการระดมพลังช่วยกันกระตุ้นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เคารพสิทธิ ทำให้พื้นที่ทั้งหมดปลอดภัย” ดร.สุปรีดา กล่าว
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเป้าหมายของกิจกรรมรณรงค์สร้างความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ สสส. และกองบังคับการตำรวจรถไฟและภาคีเครือข่าย มีความตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถไฟ โดยจัดให้มีกิจกรรมรณรงค์บนรถไฟและสถานีปลอดบุหรี่และสุรา โดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้ผู้โดยสารทุกคนงดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมไปถึงบริเวณสถานีรถไฟทั่วประเทศ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการขายและดื่มสุราบนรถไฟเป็นปัญหาใหญ่เรื้อรัง รบกวนสร้างความรำคาญ ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ คุกคามทางเพศและการลักขโมย
“ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ประกาศควบคุมการดื่มและเร่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ ซึ่งมีแนวปฏิบัติเป็นขั้นตอนอย่างชัดเจน มีการจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยประจำการรถไฟทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานงานในการดูแลรักษาความปลอดภัยและประชาสัมพันธ์รณรงค์เรื่องความปลอดภัยในการโดยสารบนรถไฟ” รองผู้ว่าการรถไฟ กล่าว
ด้าน พันตำรวจเอกสุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ กล่าวถึงการดำเนินงานของตำรวจรถไฟช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ทางตำรวจรถไฟได้มีจุดบริการในช่วงเทศกาลปีใหม่ทั้งหมด 4 จุด คือ 1.สถานีรถไฟหัวลำโพง 2.สถานีรถไฟแอร์พอตลิ้งมักกะสัน 3.สถานีรถไฟเชียงใหม่ และ 4.สถานีรถไฟหาดใหญ่ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2559 – 4 ม.ค. 2560 เพื่อดูแลป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นและป้องกันอาชญากรรม พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้บริการรถไฟ อีกทั้งทาง สสส. เข้ามาสนับสนุนให้การช่วยเหลือในเรื่องของป้ายแจ้งภาษาต่างประเทศ เพราะปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากขึ้น และการรถไฟแห่งประเทศไทยยังได้จัดกล้อง CCTV ที่ติดตั้งอยู่ตามสถานีและได้ปรับปรุงสภาพสถานีรถไฟทุกแห่งให้ปลอดอาชญากรรม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลทั่วบริเวณสถานีรถไฟและบนขบวนรถไฟ ทั้งนี้ผู้ที่ฝ่าฝืนขายและดื่มสุรามีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่บนรถไฟและในสถานีมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
หลังจากการกล่าวเจตนารมณ์การรณรงค์ “บนรถไฟและสถานี ปลอดบุหรี่และสุรา” ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้เดินรณรงค์ติดสติ๊กเกอร์ที่ระบุข้อความว่า “บนรถไฟและสถานี ปลอดบุหรี่และสุรา” พร้อมแจกสื่อประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการรถไฟ
ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามกฎหมายงดขายดื่มสุราและสูบบุหรี่บนขบวนรถไฟและในสถานี เพื่อความสุข ความปลอดภัย ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวของทุกคน