กระดูกเสื่อม-กระดูกพรุน-กระดูกอ่อน ต่างกันยังไง?
ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
แฟ้มภาพ
เมื่อกล่าวถึงโรคที่เกี่ยวกับกระดูกแล้ว สิ่งที่พูดถึงกันมากคือ กระดูกเสื่อม กระดูกพรุน และกระดูกอ่อน ซึ่งอย่าเหมารวมว่าเป็นโรคเดียวกันหรือมีการรักษาแบบเดียวกัน แต่ละอย่างก็มีลักษณะและการรักษาที่แตกต่างกันไป แต่กลับถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ประเภทเสริมกระดูกกันอย่างแพร่หลาย
ดังนั้น จึงขออธิบายลักษณะของโรคกระดูกทั้ง ๓ แบบ คือ กระดูกเสื่อม กระดูกพรุน และกระดูกอ่อน เพื่อให้เห็นความแตกต่างกัน ดังนี้
กระดูกเสื่อม
โรคกระดูกเสื่อม คือโรคที่มีการเสื่อมของกระดูกอ่อนของข้อที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อมือ ข้อศอก ข้อไหล่ และข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ซึ่งส่วนประกอบหลักของกระดูกอ่อนเหล่านี้คือน้ำและโปรตีน ที่จะทำให้กระดูกอ่อนมีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทกและเสียดสี แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ก็จะเกิดการเสื่อมและสึกหรอ
เมื่อเสื่อมแล้วก็จะเกิดอาการปวดขัดตามข้อ ข้อโปนและผิดรูป มักพบในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหนัก อย่างชาวไร่ชาวนา พ่อค้า แม่ค้า และกรรมกร คนเหล่านี้เมื่อไปโรงพยาบาล (ส่วนใหญ่ไปเป็นประจำ เพราะโรคไม่หาย) ก็จะได้ยาแก้อักเสบ บรรเทาปวด ยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะ แคลเซียม รวมถึงกลูโคซามีน เป็นหลัก
การรักษาคือ ถ้าปวดมากก็ใช้ยาบรรเทาปวดหรือลดการอักเสบเป็นครั้งคราว ลดการใช้งานของข้อนั้นๆ บริหารข้อเพื่อสร้างความแข็งแรง รวมถึงอาจใช้ยาเสริมกระดูกพวกกลูโคซามีนช่วยได้บ้าง
กระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุน หรือกระดูกโปร่งบาง บางครั้งเรียกว่ากระดูกผุ เป็นการเสื่อมของกระดูกแข็งที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย โดยมีเนื้อเยื่อกระดูกและแคลเซียมลดลง ทำให้กระดูกทรุดลงและแตกหักง่าย มักพบในผู้สูงอายุและสตรีหลังหมดประจำเดือน
โรคนี้แหละที่เป็นจุดขายของแคลเซียมและอาหารเสริมต่างๆ ในทางการตลาดจะส่งเสริมการขายโดยการวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้สูงอายุและสตรีสูงอายุเกือบทุกรายถ้าได้ตรวจก็จะพบว่ากระดูกบางกว่าปกติ แล้วก็จะได้แคลเซียมมา ซึ่งมักกำหนดให้กินในขนาดสูงๆ (ไม่ต่ำกว่า 1000 มิลลิกรัมต่อวัน) โดยลืมพิจารณาว่าผู้ป่วยนั้นได้แคลเซียมจากอาหารการกินมากน้อยเพียงใด แล้วแคลเซียมที่ให้มานั้นเป็นเกลือแคลเซียมชนิดใด เวลาแตกตัวแล้วจะให้แคลเซียมอิสระปริมาณเท่าใด และที่สำคัญคือถ้าได้มากไปจะเกิดผลเสียอย่างไร
กระดูกอ่อน
โรคกระดูกประเภทสุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือโรคกระดูกอ่อน เป็นลักษณะที่กระดูกขาดแคลเซียมโดยที่เนื้อเยื่อกระดูกปกติ ความแข็งแรงจึงลดลงแต่ยืดหยุ่นมากขึ้น มักพบในคนที่ขาดวิตามินดี เด็กช่วงอายุ 6 เดือนถึง 3 ขวบ
คนที่ขาดสารอาหารรุนแรง ผู้สูงอายุที่ขาดการเคลื่อนไหวและไม่ได้สัมผัสแสงแดด ผู้ป่วยโรคไตพิการ หรือผู้ที่มีต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ
โรคนี้แหละที่ถือว่าร่างกายขาดแคลเซียมอย่างแท้จริง และจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วย การให้ทั้งแคลเซียมและวิตามินดี ร่วมกับการแก้ไขที่ต้นเหตุ
เรื่องของโรคกระดูกประเภทต่างๆ ที่กล่าวมา คงพอจะแยกแยะได้บ้างว่า การใช้แคลเซียมหรือผลิตภัณฑ์เสริมกระดูกต่างๆ นั้นจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และใช้อย่างไรเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง