กรม สบส.ส่งทีมเอ็มเสิร์ทลงใต้ รับมือปาบึก
ที่มา : กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
แฟ้มภาพ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพส่งทีมวิศวกรฉุกเฉินลงใต้ ร่วมเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย และวาตภัยจากพายุโซนร้อน “ปาบึก”เน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง สถานบริการสุขภาพ และอสม.ต้องพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินตลอดเวลา
นายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา วันที่ 4 มกราคม 2562 พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) จะส่งผลให้พื้นที่ภาคใต้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ซึ่งกรม สบส.ได้ตั้งทีมรองรับเหตุการณ์และพร้อมเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่แล้ว โดยในวันนี้ทีมวิศวกรฉุกเฉิน หรือเอ็มเสิร์ท (MSERT) จากกองวิศวกรรมการแพทย์, กองแบบแผน และสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 5 จ.ราชบุรี จะเดินทางไปสมทบกับทีมเอ็มเสิร์ทในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย และวาตภัยจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” ซึ่งได้กำชับให้ทีมวิศวกรฉุกเฉินฯ จากทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง สถานบริการสุขภาพ และอสม.ต้องพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินตลอดเวลา
นายแพทย์ประภาส กล่าวต่อว่า สำหรับบทบาทของทีมเอ็มเสิร์ทนั้น จะมุ่งเน้นในการเตรียมความพร้อมและดูแลสถานบริการสุขภาพให้พร้อมทำการได้ตลอดระยะเวลาที่เกิดภัยพิบัติ ใน 2 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) ด้านวิศวกรรมการแพทย์อาทิระบบไฟฟ้า, ระบบก๊าชทางการแพทย์, ระบบประปา, ระบบลิฟต์และขนส่ง, ระบบสื่อสารฯลฯจะต้องมีการป้องกันมิให้น้ำท่วม และมีระบบสำรองในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน 2) ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม จะต้องมีการตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรงของโครงสร้าง หลังคา เสาวิทยุสื่อสาร ป้ายต่างๆ ที่เป็นบริเวณรับลมหรือรองรับน้ำฝนในปริมาณมาก มีการเตรียมความพร้อมและป้องกันระบบระบายน้ำฝน ระบบบำบัดน้ำเสีย เคลื่อนย้ายเครื่องจักร พัสดุ อุปกรณ์ ให้อยู่ในพื้นที่สูง รวมทั้ง เตรียมสถานที่ปลอดภัยสำหรับเป็นศูนย์อพยพ หรือรองรับการส่งต่อผู้ป่วยจากสถานบริการสุขภาพแห่งอื่นๆ
นอกจากนี้หน่วยงานส่วนกลาง ทั้งกองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน, กองสุขศึกษา และกลุ่มแผนงานจะร่วมจัดทำข้อมูลคำแนะนำในการดูแลและป้องกันตนเองในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ ให้กับสำนักสนับสนุนบริการสุขภาพเขต และศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานในพื้นที่ประสบภัยเพื่อส่งต่อให้กับเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลความปลอดภัยของประชาชน และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้พิการ หรือหญิงตั้งครรภ์ และถ่ายทอดความรู้ที่ได้ให้แต่ละครัวเรือนในการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าหากเกิดน้ำท่วมระยะยาว