กรมสุขภาพจิต เร่งสร้าง EQ เด็กไทย ก้าวสู่อาเซียน
กรมสุขภาพจิต เร่งสร้าง eq เด็กไทย ก้าวสู่อาเซียนเผยในรอบ 10 ปี ความฉลาดทางอารมณ์ต่ำกว่าเกณฑ์
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่งต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต การที่เด็กจะเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพนั้น จะต้องมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา จึงมีความจำเป็นที่เด็กจะต้องได้รับการพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาและต่อเนื่องไปจนถึงวัยรุ่น โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสติปัญญาและอารมณ์ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันและอนาคต และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน มีทั้งเรื่องน่ายินดีที่เด็กไทยสามารถแข่งขันทักษะความรู้ทางด้านต่างๆ ในเวทีระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็ยังพบพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนบางส่วนที่สร้างความรุนแรงในสังคม คุณธรรม จริยธรรมลดลง
สิ่งดังกล่าว กรมสุขภาพจิตได้ตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทยมาอย่างต่อเนื่องทั้งการเฝ้าระวัง ส่งเสริมและพัฒนาความฉลาดทางสติปัญญาควบคู่ไปกับการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
“จากการดำเนินโครงการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (eq) เด็กและเยาวชน ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 -2554ได้มีการสำรวจความฉลาดทางอารมณ์ ในปี 2550เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เด็กไทย และ ปี 2554เป็นการสำรวจติดตามสถานการณ์ระดับความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กนักเรียนไทย อายุ6-11ปี ระดับประเทศ เป็นครั้งที่ 2การสำรวจครั้งนี้ ใช้ขนาดตัวอย่างกลุ่มเด็ก อายุ 6-11ปี จำนวน 5,325คน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ใช้สำรวจ iq ปี 2554จากตัวแทน กรุงเทพมหานคร และ 4ภาค รวม 10จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ระยอง สมุทรสาคร อุตรดิตถ์นครสวรรค์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด กระบี่ ปัตตานี ใช้แบบทดสอบวัดความฉลาดทางอารมณ์ฉบับกรมสุขภาพจิต พบว่า คะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (eq) ปี 2554มีค่าต่ำสุด อยู่ที่ 169.72จาก 179.58ในปี2550และ 186.42ในปี 2545” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผอ.สถาบันราชานุกูล กล่าวเสริมว่า ผลสำรวจความฉลาดทางอารมณ์เด็กไทยอายุ 6-11ปี ปี 2554มีคะแนนความฉลาดทางอารมณ์ (eq) เฉลี่ยระดับประเทศอยู่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ คือ มีค่าคะแนนอยู่ที่ 45.12จากค่าคะแนนปกติ 50-100ซึ่งมีจุดอ่อนทั้ง 3องค์ประกอบใหญ่ คือ ดี เก่ง สุข และเมื่อพิจารณาองค์ประกอบย่อยในแต่ละด้าน จะพบว่า การปรับตัวต่อปัญหา มีค่าคะแนนอยู่ที่46.65การควบคุมอารมณ์46.50การยอมรับถูกผิด45.65ความพอใจในตนเอง45.65ความใส่ใจและเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น 45.42การรู้จักปรับใจ 45.23และที่เป็นจุดอ่อนมาก ได้แก่ความมุ่งมั่นพยายาม ซึ่งมีค่าคะแนน อยู่ที่ 42.98รองลงมา คือ ความกล้าแสดงออก 43.48และความรื่นเริง เบิกบาน 44.53
ผอ.สถาบันราชานุกูลกล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณารายภาค จะพบว่า ภาคใต้มีคะแนน eq เฉลี่ยสูงสุด อยู่ที่ 45.95ซึ่งใกล้ค่าปกติมากที่สุด รองลงมา คือ ภาคเหนือ 45.84กรุงเทพมหานคร45.62ภาคกลาง 44.38และต่ำสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44.04และเมื่อพิจารณาคะแนนเฉลี่ยความฉลาดทางอารมณ์ตามเกณฑ์ปกติ ที่มีค่าคะแนนอยู่ที่ 50-100พบว่า ภาคใต้มีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 30.4รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 23.2ภาคเหนือ ร้อยละ 22.9ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 21.4และภาคกลาง น้อยที่สุด ร้อยละ19.7และมีกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนา (ค่าคะแนน ต่ำกว่า 40)เป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 32.3ภาคกลาง ร้อยละ 28.8กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.3ภาคเหนือ ร้อยละ 22.3และภาคใต้ร้อยละ 21.4
จากผลสำรวจดังกล่าว กรมสุขภาพจิตได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านเด็กเสริมปัจจัยการเรียนรู้ให้เด็กและครอบครัว ด้วยการส่งเสริมพ่อแม่ ผู้ปกครองให้สนับสนุนเด็กอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงพัฒนาระบบการเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตเด็กในระดับ อำเภอ เพื่อประเมิน สนับสนุน ส่งเสริม ช่วยเหลือเด็กที่มีความบกพร่องด้านสุขภาพจิตให้ได้รับการดูแล และเข้าถึงบริการสุขภาพจิตสำหรับเด็กอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวสรุป
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ