กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เร่งแก้ปัญหา‘เชื้อดื้อยา’
ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เร่งแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาในไทย โดยการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพทั่วประเทศ ให้ทราบข้อมูลความรู้ใหม่ ๆ ทันต่อสถานการณ์ และร่วมมือกันแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาแบบบูรณาการ
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาในไทยโดยการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพทั่วประเทศให้ทราบข้อมูลความรู้ใหม่ๆทันต่อสถานการณ์และร่วมมือกันแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาแบบบูรณาการตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ เพื่อลดการป่วยตายจากการดื้อยาให้ได้ โดยคาดว่าภายใน 5 ปีจะลดได้ถึงร้อยละ 50
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาก่อโรคในคน เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากพบว่าเชื้อโรคมีแนวโน้มดื้อยาต้านจุลชีพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรคติดเชื้อต่าง ๆ ที่เคยรักษาและควบคุมได้ กลายเป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เพราะโรคติดเชื้อที่เคยรักษาหายกลับรักษาไม่หาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อในโรงพยาบาลที่มักจะได้ยามาหลายขนานแล้ว เชื้อดื้อยาเป็นภัยเงียบที่อยู่ใกล้ตัวเราอย่างมาก เพราะมีรายงานการวิจัยระบุว่าในแต่ละปีคนไทยติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาประมาณ 88,000 คน เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาอย่างน้อยปีละ 20,000-38,000 คน คิดเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 46,000 ล้านบาท และเมื่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยาจนครบทุกขนานก็จะไม่มียาใดสามารถรักษาโรคติดเชื้อได้อีกต่อไป ทั้งนี้การใช้ยาต้านแบคทีเรียที่มากเกินความจำเป็นจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการกลายพันธุ์ได้เร็วขึ้น ดังนั้นการชะลอปัญหาเชื้อดื้อยาจึงต้องเริ่มต้นที่ห้องปฏิบัติการก่อน โดยการตรวจวิเคราะห์จะต้องได้ผลถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว และต้องคอยติดตามปรับปรุงวิธีตรวจให้ทันกับเชื้ออยู่เสมอ นอกจากนี้การเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นกระบวนการแรกที่จะทำให้ทราบขนาดและแนวโน้มของปัญหาเชื้อดื้อยา รวมทั้งตรวจจับเชื้อดื้อยาอุบัติใหม่
นายแพทย์สุขุม กล่าวต่ออีกว่า แม้ว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักด้านห้องปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งระบบเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 เพื่อรายงานอุบัติการณ์ของเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคและแนวโน้มการดื้อยา แต่ยังขาดระบบเฝ้าระวังผู้ป่วย เพื่อระบุที่มาและกลุ่มของปัญหา ดังนั้นประเทศไทยในฐานะสมาชิกองค์การอนามัยโลก จึงรับหลักการตาม Global Action Plan for Antimicrobial Resistance Containment ที่จะเข้าร่วมดำเนินการระบบเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาระดับโลก (Global Antimicrobial Resistance Surveillance System, GLASS) เพื่อให้ทราบขนาดของปัญหาการดื้อยาในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการควบคุม ป้องกัน และประเมินกระบวนการจัดการโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ พ.ศ.2560-2564 กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนอย่างบูรณาการทันที เพื่อลดการป่วยตายจากการดื้อยาให้ได้ โดยคาดว่าภายใน 5 ปีจะลดได้ถึงร้อยละ 50
“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินโครงการบูรณาการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเฝ้าระวังเชื้อเชื้อยา โดยได้จัดทำเป็นคำรับรองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 ปัจจุบันมีโรงพยาบาลตอบเข้าร่วมเครือข่ายทั้งสิ้น 93 แห่งจาก 77 จังหวัดในจำนวนนี้มีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 5 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง จนสามารถจัดตั้งระบบเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาทางห้องปฏิบัติการที่เป็นระบบฐานข้อมูลของประเทศได้ สำหรับการการอบรมในครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพ ซึ่งประกอบด้วย นักเทคนิคการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์จากโรงพยาบาลและศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลความรู้ใหม่ๆ ทันต่อสถานการณ์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างห้องปฏิบัติการเครือข่ายและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการขยายขอบข่ายการเฝ้าระวังและควบคุมเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพให้ตอบสนองการใช้งานทุกระดับ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทย” นายแพทย์สุขุม กล่าวทิ้งท้าย