กรมควบคุมโรค แนะ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยในช่วงฝนตก

ที่มา:กรมควบคุมโรค


กรมควบคุมโรค แนะ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยในช่วงฝนตกลมแรง thaihealth


แฟ้มภาพ


กรมควบคุมโรค กระทรงสาธารณสุข เตือนช่วงพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้งหรืออยู่ใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา และไม่ควรขับรถฝ่าฝนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมแนะ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัย เน้นลดความเร็ว หลีกเลี่ยงการแซง และประเมินสถานการณ์ก่อนขับรถผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขัง


          นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าช่วงวันที่ 23-25 มีนาคม นี้ จะมีพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออก ควรระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ดังนั้นควรอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกร ควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรรวมทั้งเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่มักเกิดในพื้นที่โล่งแจ้ง สวน นา ไร่ ด้วย


          กรมควบคุมโรคแนะนำวิธีการป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า ดังนี้  1.หลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งในขณะฝนตก    ฟ้าคะนอง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา 2.ควรหลบในตัวอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ไม่ควรใช้โทรศัพท์ เปิดคอมพิวเตอร์ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ หรืออยู่ใกล้ประตูหน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะในขณะฟ้าร้องฟ้าผ่า 3.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสื่อไฟฟ้าต่างๆ ทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ และ 4.กรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน และไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด


          นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ขับรถให้ระมัดระวังอันตรายในช่วงฝนตกลมแรง ซึ่งจะทำให้ถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี โดยผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัย ดังนี้  1.เปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นได้จากระยะไกล  2.เปิดใบปัดน้ำฝน และควรปรับระดับความเร็วใบปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับสถานการณ์  3.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางโค้ง เพราะมีน้ำขัง และอาจทำให้รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ต้องปฏิบัติตามป้ายจำกัดความเร็วอย่างเคร่งครัด  4.ให้ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเพิ่มขี้น เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น  5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็น ต้องประเมินสถานการณ์หรือกะระยะทางข้างหน้าให้ปลอดภัย  6.กรณีรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยๆเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นหากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


 

Shares:
QR Code :
QR Code