กพย.-สสส. ชี้ฉุกคิดก่อนใช้ “ยาคุมฉุกเฉิน”

กพย.-สสส. ชี้ฉุกคิดก่อนใช้ “ยาคุมฉุกเฉิน” จับมือเครือข่ายเยาวชน ทำสื่อ Love alert ป้องกันท้องไม่พร้อม กรมอนามัย ระบุผลสำรวจปี 51 วัยรุ่น 13-25 ปีใช้ยาคุมฉุกเฉิน 30% ขณะที่ แพทย์ราชวิทยาลัยสูตินรีฯ ชี้คนไทยเข้าใจผิดกินยาพร่ำเพรื่อ ประสิทธิภาพยาคุมฉุกเฉินแค่ 50-90% แนะต้องกินหลังมีเซ็กส์เร็วที่สุด


กพย.-สสส. ชี้ฉุกคิดก่อนใช้ “ยาคุมฉุกเฉิน”


วันนี้ (11 ก.ค. 54) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ แผนงานสร้างกลไกการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายอาชีวศึกษา “ก้าวย่างอย่างเข้าใจ” และเครือข่ายเยาวชน เครือข่ายสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย (สนภท.) และเครือข่ายเภสัชกรรมชุมชน จัดเสวนาวิชาการเรื่อง “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ฉุกคิดก่อนใช้ ป้องกันท้องไม่พร้อมจริงหรือ? : ข้อเท็จจริงที่หลายคนยังไม่รู้” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้เรื่องการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน และการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ภายในงานมีการเผยแพร่สื่อรณรงค์วิดีโอ Love alert ให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยแก่ประชาชน


ผศ.ภญ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงาน กพย.กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างฝ่ายวิชาการและบุคลากรด้านสุขภาพเกี่ยวกับข้อมูลทางวิชาการของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน พบว่า ยาคุมฉุกเฉินยังมีความซับซ้อนทั้งในเรื่องประสิทธิผล และวิธีการใช้ยาชนิดนี้ ข้อบ่งชี้การใช้ยานี้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น และไม่ควรใช้ยาเกิน 2 กล่อง/คน/เดือน แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ข้อมูลเหล่านี้ จึงใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะคิดและเชื่อว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นวัยรุ่นและคนทั่วไป ต้องหันมาฉุกคิดก่อนใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินด้วย เพราะหากต้องการคุมกำเนิดที่ได้ผล 100% ควรใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ กพย. ร่วมกับเครือข่ายภาคเยาวชน จัดทำสื่อ VDO ชุดความรู้ Love alert รณรงค์ให้ความรู้การใช้ยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน และถุงยางอนามัย ตลอดจนปลูกฝังค่านิยมเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เพื่อเป็นเครื่องมือให้เครือข่ายเยาวชน ได้นำไปเผยแพร่สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้วัยรุ่นและประชาชนมีความรู้และเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสม ป้องกันการท้องไม่พร้อม และป้องกันการติดเชื้อเอดส์


รศ.นพ.อรรณพ ใจสำราญ ด้าน รศ.นพ.อรรณพ ใจสำราญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวช คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้แทนจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คนไทยไม่มีความรู้และความเข้าใจในการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ตนเคยตรวจพบคนไข้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นประจำเดือนละ 4-5 กล่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินพบว่า ยาชนิดนี้มีประสิทธิภาพคุมกำเนิด 50 – 90 % กลไกการทำงานของยาไปยับยั้งหรือยืดเวลาการตกไข่ออกไป ดังนั้นจึงควรกินยาก่อนไข่ตก จะป้องกันตั้งครรภ์ได้ 80 % แต่หากกินยาหลังตกไข่แล้ว ยาจะไม่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อย่าเข้าใจผิดคิดว่า ใช้แทนยาคุมกำเนิดปกติ หรือใช้บ่อยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์


“ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรกินเฉพาะกรณีถุงยางแตก หรือพลาดพลั้งมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน โดยควรกินยาภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด หรือภายใน 120 ชั่วโมง สามารถรับประทาน 2 เม็ดได้พร้อมกัน ยิ่งกินยาเร็วขึ้นก็จะมีประสิทธิภาพคุมกำเนิดได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการข้างเคียงของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีสูง เพราะยามีฮอร์โมนปริมาณสูง ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ เช่น มีเลือดออกมากว่าปกติ หรือขาดประจำเดือนไปเลย 30% คลื่นไส้ ปวดท้อง 20% ทั้งนี้การให้คำแนะนำของบุลากรด้านสุขภาพก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะประชาชนไม่ต้องการรับฟังมากนัก จึงเป็นปัญหาที่ควรรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจในช่องทางต่างๆ“ รศ.นพ.อรรณพ กล่าว


ด้าน นพ.กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผอ.สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กล่าวว่า จากการรวบรวมการศึกษาวิจัย และจากที่กรมอนามัยทำการศึกษาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี 2551 พบว่า คนส่วนใหญ่ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินในทางที่ผิด โดยเข้าใจว่ากินเหมือนยาคุมกำเนิดปกติ ซึ่งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อายุ 13-25 ปี กินเพื่อคุมกำเนิดถึง 30% และเป็นการซื้อจากร้านขายยา และที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ 40-50 % ไม่มีการป้องกันขณะที่มีเพศสัมพันธ์เลย ซึ่งแนวโน้มของผู้ป่วยโรคทางเพศสัมพันธ์มีอัตราที่สูงขึ้นทุกปี


ทั้งนี้ โรงเรียน สถาบันการศึกษา หรือผู้สนใจติดต่อขอรับสื่อได้ที่ กพย. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทร 02-2188452 หรือ [email protected] และเร็วๆ นี้ กพย. ร่วมมือกับแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ เตรียมจัดให้วัยรุ่นสามารถเข้าไปดาวน์โหลดคลิปวิดีโอ Love alert ได้ที่ http://talkaboutsex.thaihealth.or.th


 


 


ที่มา : สำนักข่าว สสส.

Shares:
QR Code :
QR Code