เพิ่มมาตรการเข้ม เมาแล้วขับ
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนชี้มาตรการสกัดเมาแล้วขับ รวมทั้งการขับรถเร็วเกินกำหนดซึ่งเป็น 2 ปัจจัยหลัก ที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลว เพราะเป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เสนอตั้งจุดตรวจทั่วถึงทุกที่ทุกเวลา เพิ่มอัตราโทษคนทำผิดถึงติดคุก ผิดซ้ำก็บวกเพิ่ม
ดร.สุรศักดิ์ ไชยสงค์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนในห้วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่พบว่ามิได้ลดลงเท่าที่ควร โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตที่สูงกว่าปีที่แล้ว 1 คน เมื่อมองถึงปัจจัยต่างๆ จะพบว่า ที่ประเทศไทยยังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการดื่มสุราในขณะขับรถได้ ก็เพราะยังขาดปัจจัยที่เป็นตัวช่วยให้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นคือ การสุ่มตรวจอย่างทั่วถึง ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ ทั้งในวันธรรมดาและช่วงเทศกาล โดยการตั้งจุดตรวจตลอดทั้งวัน ทุกเส้นทาง เพื่อป้องกันการหลบหนี ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าตนสามารถถูกจับได้ตลอดเวลา
“เรื่องนี้ทางศูนย์ฯ ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตำรวจได้ชี้แจงว่ายังติดขัดในเรื่องของงบประมาณที่มีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศ เช่น ประเทศออสเตรเลีย โดยเฉลี่ยแล้วประชากร 1 คน จะถูกตรวจที่จุดตรวจเดือนละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีกฎหมายห้ามเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ดื่มสุราขณะขับรถโดยเด็ดขาด ขณะที่ประเทศไทยมีเพียงการกำหนดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสำหรับผู้ใหญ่ที่ขับขี่รถยนต์ไม่ให้เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นโทษที่เบามากเมื่อเทียบกับนานาประเทศ” ดร.สุรศักดิ์ เผย
รอง ผอ.ศวส.กล่าวว่า ประเด็นต่อมา กฎหมายยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องข้อห้ามและบทลงโทษ ทำให้กฎหมายไม่มีคุณภาพและบังคับใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร โดยจะเห็นว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลจะมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้นภาครัฐควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งควรปลูกฝังในเรื่องของอันตรายและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากการดื่มแล้วขับให้มากกว่านี้ด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์