เปิดคุกไทย เทียบคุกฝรั่ง

เป็นเวลากว่า 6 ปีมาแล้ว ที่สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) รณรงค์เพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิต เมื่อแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 2 (2552-2556) ได้สัญญาว่าจะเปลี่ยนโทษประหารชีวิตเป็นการจำคุกตลอดชีวิต

เปิดคุกไทย เทียบคุกฝรั่ง

ทำให้ต้องหันความสนใจไปยังสภาพของเรือนจำ หรือคุก ซึ่งจะมีจำนวนนักโทษระยะยาวเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า สภาพที่นักโทษต้องเผชิญเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนหรือไม่

เนื่องจากสภาพคุกคือเครื่องวัดความก้าวหน้าของสังคมอารยธรรม และคุณค่าความเป็นมนุษย์ คุกมักถูกซ่อนจากสายตาคนทั่วไป แต่ก็ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อรับรองว่าผู้ที่ต้องอยู่ภายในได้รับการดูแลเอาใจใส่ และได้รับสิทธิ์ที่รัฐบาลพึงให้แก่ประชาชนทุกคน

เปิดคุกไทย เทียบคุกฝรั่ง

ในงานเสวนา “คุกไทย 2554” จัดโดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สสส. ได้นำเสนอเรื่องราวของคุกไทย พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับคุกต่างประเทศ

ดร.แดนทอง บรีนดร.แดนทอง บรีน ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน สสส. ชี้ว่าประเทศไทยมีปัญหานักโทษล้นคุก มีนักโทษมากเป็นอันดับ 25 ของโลก เฉลี่ย 331 ต่อแสนประชากร เทียบกับประเทศที่มีนักโทษมากสุดคือ สหรัฐ อเมริกา มีนักโทษ 2,200,000 คน เฉลี่ย 743 ต่อแสนประชากร ส่วนจีนมีนักโทษ 1,600,000 คน เฉลี่ย 123 ต่อแสนประชากร

สาเหตุที่ทำให้นักโทษล้นคุก คือคนจำนวนมากที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่าผิด ถูกคุมตัวในเรือนจำ เพราะระบบการประกันตัวของไทยยังไม่ได้มาตรฐาน โทษบางอย่างเล็กน้อย แต่ต้องวางหลักประกันสูงเท่าคดีฆ่าคนตาย ส่วนใหญ่ผู้ต้องโทษไม่มีเงินประกัน

ขณะเดียวกัน การพิพากษาโทษจำคุก 30-50 ปี ก็อาจมาจากการที่ไทยใช้ระบบลดโทษระหว่างคุมขัง เหมือนบังคับทางอ้อมให้นักโทษไม่ก่อปัญหาในเรือนจำ เพื่อหวังการลดโทษ หรืออภัยโทษ และการลงโทษก็มีแต่การนำตัวเข้าเรือนจำเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วมีวิธีอื่นอีกในการลงโทษผู้ประพฤติผิด การเข้าเรือนจำควรเป็นวิธีสุดท้าย

ดร.แดนทองระบุอีกว่า สำหรับเรือนจำกลางบางขวาง การเยี่ยมญาติคือสิ่งที่ผู้ต้องขังทุกคนรอคอย เพราะนอกจากพูดคุยกับญาติแล้วยังจะได้รับสิ่งของ และเงินที่ญาติฝากให้ การใช้ชีวิตของผู้ต้องขังที่มีเงินกับไม่มีเงินจึงต่างกัน

เปิดคุกไทย เทียบคุกฝรั่ง

โดยผู้ต้องขังที่มีเงินจะซื้อหาทุกอย่างได้จากร้านค้าสวัสดิการ ด้วยบัตรเงินสดที่กำหนดให้ใช้วันละไม่เกิน 200 บาท ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่มีเงินจะใช้วิธีทำงานให้ผู้ต้องขังรายอื่นเพื่อแลกเงินมาซื้อของใช้จำเป็น แต่ญาติส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ในคุกยังต้องใช้เงินอีก

ในวงพูดคุย มีอดีตผู้ต้องโทษจำคุกตลอด ชีวิตมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟังว่า นักโทษประหารชีวิตจะได้ออกมาพบญาติสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 45 นาที ในห้องที่มีกระจกที่มีลูกกรงกั้น โดยพูดคุยผ่านโทรศัพท์ ที่อนุญาตให้ผู้เป็นญาติเข้าเยี่ยมเท่านั้น และจะถูกตีตรวนตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนนักโทษอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังจะพ้นโทษ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังพ้นโทษอย่างไร และต้องเจอกับอะไร ด้วยสังคมไทยยากที่จะเข้าใจ และยอมรับกับอดีตของนักโทษได้ ทำให้พวกเขาท้อแท้ต่อการเริ่มต้น จนเปิดคุกไทย เทียบคุกฝรั่งกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในที่เดิมๆ

“วันที่ผมออกมาวันแรก ผมนั่งอยู่ประตูทางออกเกือบทั้งวันไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปสมัครงานที่ไหน พอรู้ว่าออกมาจากคุกก็ไม่มีใครรับ ต้องปิดบังกว่าจะได้งาน” อดีตผู้ต้องโทษ จำคุกตลอดชีวิตกล่าว

ด้าน นางเวโรนิก วาสเซอร์ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์เรือนจำลาซานเต้ ประเทศฝรั่งเศส ผู้ที่รวบรวมประสบการณ์ในเรือนจำแล้วเขียนเป็นหนังสือ มาร่วมถ่ายทอดในเวทีนี้ด้วย ซึ่งนางเวโรนิกให้คำจำกัดความถึงสภาพความเป็นอยู่ในคุกฝรั่งเศสว่า “เหมือนยุคกลาง ย้อนไป 800 ปี”

นางเวโรนิก วาสเซอร์ เวโรนิกบอกว่า จากหนังสือดังกล่าวทำให้ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้สาธารณชนตื่นตัวเรื่องเรือนจำเป็นอย่างมาก บรรดาผู้สื่อข่าวต่างพากันทำข่าวในเรือนจำ แม้จะถูกกีดกันก็ตาม

ต่อมา ส.ส.และส.ว.เขียนรายงานแสดงความอับอายต่อรัฐบาลฝรั่งเศส ส่งผลให้รัฐบาลฝรั่งเศส กำหนด 30 มาตรการปรับปรุงเรือนจำ รวมทั้งตั้งคณะกรรมการจากภายนอกเข้าไปตรวจสอบการทำงาน

“หลังจากหนังสือออกไปได้ไม่นาน รัฐบาลกันงบประมาณเกือบ 1,000 ล้านยูโร เพื่อปรับปรุงเรือนจำใหม่ แต่ก็ยังสังเกตได้ว่าเรือนจำสมัยใหม่ที่ปรับปรุงอย่างดีแล้วยังมีอัตราการฆ่าตัวตายของนักโทษสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่านักโทษอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง ยังไม่มีกระบวนการเยียวยาที่ดีพอ”

เปิดคุกไทย เทียบคุกฝรั่ง

“เคยมีการวิจัยพบว่ามีการลงโทษที่ไม่สมควร แต่ไม่มีใครแตะต้องตรวจสอบได้ ราวกับเรือนจำเป็น “รัฐซ้อนรัฐ” นอกจากนี้ ในเรือนจำยังมีทนายความมาช่วยเหลือเมื่อนักโทษทำผิด และนักโทษที่ป่วยจะได้รับสิทธิในการรักษาเทียบเท่าคนข้างนอก แม้จะเป็นผู้ต้องโทษหนักในคดีก่อการร้ายก็ตาม” นางเวโรนิกกล่าว

น.ส.พรพิตร นรภูมิพิภัชน์ส่วนของไทย โดย น.ส.พรพิตร นรภูมิพิภัชน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มาร่วมให้ข้อมูลในวงเสวนาด้วยว่า ปัจจุบันไม่มีการกำหนดโทษสูงถึง 120 ปีแล้ว ตามกฎหมายต้องไม่เกิน 40-50 ปีเท่านั้น ทั้งยังลดโทษระหว่างคุมขังเป็นระยะ ทำให้กำหนดโทษสูงสุดอยู่ในระยะ 12-15 ปีเท่านั้น จากมาตรการนี้สอดคล้องกับกฎหมายต่างประเทศ ที่โทษสูงสุดอยู่ที่ 15 ปี

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกด้วยว่า สำหรับเครื่องพันธนาการ หรือโซ่ตรวน เนื่องจากอัตราเฉลี่ยผู้คุม 14 คน ต้องคุมผู้ต้องขัง 600-700 คน ดังนั้น หากไม่มีเครื่องพันธนาการเจ้าหน้าที่จะมีความเสี่ยงมาก แต่กรมราชทัณฑ์ก็กำลังปรับปรุงสถานที่คุมขัง เพื่อให้ปลดพันธนาการได้

“คุก” เป็นสิ่งไม่พึงปรารถนาสำหรับสุจริตชนทั่วไป แต่สำหรับผู้ต้องขัง หรือผู้ต้องโทษแล้ว มันคือบ้านของเขาในระหว่างรับโทษ ที่สมาชิกในบ้านรอการปรับปรุง ตามมาตรฐานแห่งหลักสิทธิมนุษยชนที่ควรได้รับเช่นกัน

เรื่อง: กนกลักษณ์ ธนรักษ์กิตติโชติ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Shares:
QR Code :
QR Code