อึ้ง! ไทยมีขยะอาหารปีละ 10 ล้านตัน! สสส.-ภาคี สร้างระบบการจัดการยั่งยืน ชู 15 ศูนย์อาหาร นำร่องลดขยะ 20% ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 125 tCO2e

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

ปกข่าว อึ้ง! ไทยมีขยะอาหารปีละ 10 ล้านตัน! สสส.-ภาคี สร้างระบบการจัดการยั่งยืน ชู 15 ศูนย์อาหาร นำร่องลดขยะ 20% ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 125 tCO2e

                    อึ้ง! คนไทยก่อขยะอาหารปีละเกือบ 10 ล้านตัน พบแหล่งกำเนิดขยะอาหารสูงสุดคือ ตลาดสด-ห้าง-ร้านสะดวกซื้อ-อาคารสำนักงาน ที่มีศูนย์อาหาร กระทบสิ่งแวดล้อม-สุขภาพ สสส. สานพลัง ทส.-คพ.-TEI ขับเคลื่อนการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ ชูศูนย์อาหาร 15 แห่ง นำร่องลดขยะอาหารได้ 20% และนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ 100% ลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 125 tCO2e

                    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 2568 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) จัดสัมมนาเผยแพร่ผลงานและแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการขยะอาหาร ภายใต้โครงการส่งเสริมการป้องกัน ลด และจัดการขยะอาหารจากแหล่งกำเนิดกรณีศูนย์อาหาร เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลดขยะอาหารอย่างเป็นรูปธรรม

นายประเสริฐ ศิรินภาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

                    นายประเสริฐ ศิรินภาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการสูญเสียอาหารและขยะอาหารมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการศึกษาเพื่อเสนอแนวทางในการจัดการขยะอาหารเพื่อการบริโภคที่ยั่งยืน หลังจากนั้น ในปี 2564 กรมควบคุมมลพิษ ได้ทำการศึกษาสำรวจองค์ประกอบขยะมูลฝอย ณ สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของประเทศ และจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะอาหารของประเทศ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 12) ต่อมาได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะอาหารของประเทศ ฉบับที่ 2 (2566-2570) เพื่อลดปริมาณขยะอาหารเทียบจากปริมาณขยะมูลฝอยชุมชน 28% ภายในปี 2570 และรณรงค์ลดขยะอาหารภายใต้แนวคิด “Stop Food Waste Start the Future”

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

                    นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณขยะอาหารกว่า 9.7 ล้านตันต่อปี คิดเป็น 146 กิโลกรัมต่อคนต่อปี มีแหล่งกำเนิดมาจาก 1.ตลาดสด 2. ห้างสรรพสินค้า 3.ร้านสะดวกซื้อ 4.อาคารสำนักงาน ซึ่งแหล่งกำเนิดดังกล่าวส่วนใหญ่จะมีศูนย์อาหารอยู่ด้วย และจากการสำรวจขยะอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ปี 2565 พบว่า มีสัดส่วนขยะอาหารมากที่สุดคิดเป็น 46% ของขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่ยังดำเนินการกำจัดไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ทั้งปัญหาน้ำแหล่งน้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นรบกวน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง โรคติดเชื้อแบคทีเรีย การจัดการขยะอาหารที่ถูกต้องและนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จึงเป็นทางออกหนึ่งเพื่อช่วยลดปริมาณขยะอาหารและผลกระทบต่อสุขภาพได้

                    “สสส. จึงสนับสนุนโครงการส่งเสริมการป้องกัน ลด และจัดการขยะอาหารจากแหล่งกำเนิดกรณีศูนย์อาหาร โดยผลักดันให้ศูนย์อาหาร 15 แห่ง เป็นพื้นที่นำร่องขับเคลื่อนการลดขยะอาหารต้นทางอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ขับเคลื่อนนโยบายมาตรการทางสังคมและชุมชน รวมถึงเสริมสร้างวิชาการ องค์ความรู้ และฐานข้อมูลในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการปกป้องและเสริมสร้างสุขภาพให้มีจิตสำนึกเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีมาตรการและนโยบายสาธารณะในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างระบบการจัดการขยะอาหารที่ยั่งยืน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตอกย้ำว่าขยะอาหาร ปลายทางไม่ใช่หลุมฝังกลบอีกต่อไป” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย

                    ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานของโครงการฯ พบว่าศูนย์อาหารที่เข้าร่วมสามารถลดปริมาณขยะอาหารได้ 20% และขยะอาหารทั้งหมดที่เหลือถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ 100% โดยไม่ต้องส่งไปยังหลุมฝังกลบ โครงการฯ ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 125 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) อีกทั้งยังส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคภายใน
ศูนย์อาหารมีความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของทุกฝ่ายที่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงรูปธรรมได้จริง การจัดสัมมนาครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีเผยแพร่ความสำเร็จและแนวปฏิบัติที่ดี แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผลไปยังศูนย์อาหารอื่น ๆ และสถานประกอบการในวงกว้างอีกด้วย หากสนใจเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย

Shares:
QR Code :
QR Code