“อปท” ปลอดบุหรี่ แนวรบใหม่ในการขจัดบุหรี่ไฟฟ้าให้หมดไป
ในการขจัดบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้าให้หมดไป เพื่อป้องกันเยาวชนไม่ให้ลงไปริลอง และกลายเป็นทาสของบุหรี่ รับผลกระทบควันบุหรี่ สสส.ได้ชวน คนรู้จริงในระดับท้องถิ่น อย่าง อปท. ที่ร่วมกันเปลี่ยนสังคมไทย ให้ ปลอดภัยจาก ควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ทั้งค้นหานักสูบ -ปราบปรามแหล่งจำหน่าย
โดยในเวที “ท้องถิ่นขยับ ประเทศปรับเปลี่ยน: ขับเคลื่อนสังคมไทยปลอดภัยจากควันบุหรี่ (ไฟฟ้า)” นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ผลกระทบจากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง โดยเฉพาะคนอายุน้อยที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่นาน เริ่มมีปัญหาสุขภาพ ทั้ง ปอดติดเชื้อ ปอดอักเสบ เร็วกว่าการสูบบุหรี่มวน ที่จะแสดงอาการต้องสูบมานานนับ 10 ปี เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสามารถสูบได้บ่อย ได้นานกว่า ไม่ต้องจุด บางคนสูบตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ได้สูบเกิดอาการลงแดง
แต่ละปีมีประชากรโลกเสียชีวิตจากบุหรี่มากกว่า 8 ล้านคน โดยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่กว่า 7 ล้านคน และจากควันบุหรี่มือสองอีกประมาณ 1.2 ล้านคน บุหรี่เพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 2-4 เท่า เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด 25 เท่า
สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 พบคนไทยมีแนวโน้มสูบบุหรี่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้สูบบุหรี่ทั้งสิ้น 9.8 ล้านคน คิดเป็น 16.5% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ลดลงจาก 17.4% ในปี 2564 ผู้ชายสูบบุหรี่สูงถึง 9.5 ล้านคน หรือ 33.5% ของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ผู้หญิงสูบบุหรี่เพียง 0.3 ล้านคน หรือ 1% โดยผู้สูบบุหรี่อาศัยในเขตเทศบาล 14.6% และอาศัยนอกเขตเทศบาล 18.1% ทั้งนี้ ภาคใต้มีการสูบบุหรี่มากที่สุด 22.2% รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17.92% ขณะที่ภาคกลางน้อยที่สุดคือ 14.2%
ซึ่งความร่วมมือกับ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น จะมีส่วนสำคัญ ในการช่วยควบคุมการสูบบุหรี่ –บุหรี่ไฟฟ้า เพราะเป็นคนในพื้นที่ รู้จริง ใกล้ชิดประชาชน และยังเป็นหน่วยงานราชการที่มีงบประมาณในการดูแลส่งเสริมสุขภาพ อย่าง กองทุนส่งเสริมสุขภาพตำบล สามารถนำงบประมาณมาช่วยดูแลป้องกันเยาวชนไม่ให้กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ รวมถึงสามารถให้เบาะแสแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินการปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าด้วย ขณะนี้มี อปท. ร่วมขับเคลื่อน เป็น “อปท.ปลอดบุหรี่” แล้ว 2,325 แห่งทั่วประเทศ ถือเป็นจุดเริ่มต้น เชื่อมร้อยภาคีเครือข่ายในท้องถิ่น
“การแก้ไขปัญหาบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า เหมือนกับการตัดสูทใส่ เป็นเรื่องเฉพาะตัว ที่ต้องทำให้พอดีพอเหมาะกับท้องถิ่น ถ้าปล่อยให้เด็กติดบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว แก้ไขยาก ต้องแก้ขณะที่อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ยังไม่ได้ขยับสูงมาก ในกลุ่มเด็ก 15-24 ปี พบว่า เด็กผู้ชายสูบบุหรี่ไฟฟ้า 13% เด็กผู้หญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้า 5% ถ้าไม่ทำตอนนี้ รอปัญหามากกว่านี้จะเลิกยากมาก ” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีกฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ 2560 และมี คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงาน และกำหนดแผนงานเพื่อลดการสูบบุหรี่ โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.ป้องกันนักสูบหน้าใหม่ 2.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ 3.ช่วยคนสูบบุหรี่ให้เลิก ซึ่งไม่มีใครสามารถ ทำให้การสูบบุหรี่ลดลงได้เท่าคนในจังหวัด หรือคน ในพื้นที่
จากการทำงานมากว่า 37 ปี ของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ พบว่าอัตราการสูบบุหรี่ลดลง โดยลดลงเยอะมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ภาคใต้ ลดลงน้อย ซึ่งข้อมูลของการสูบบุหรี่ พบว่า การสูบบุหรี่ส่งผลกระทบต่อคนจน เพราะรายได้ 10 % ถูกนำไปเป็นค่าบุหรี่ แทนที่จะไปเป็นค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของลูก หรือ ใช้ดูแลร่างกายเมื่อเจ็บป่วย
“หากมีรายได้ 6,000 บาท ในจำนวนนี้ เงิน 700 บาทถูกไปใช้เป็นค่าบุหรี่ ดังนั้นองค์การอนามัยโลก จึงมีการณรงค์ว่า “บุหรี่ยิ่งสูบยิ่งยากจน ”และยังไม่นับว่าในแต่ละครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ และพบว่า ในจำนวนคนที่สูบบุหรี่ ยังเป็นนักดื่มอีกด้วย ” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต กล่าว
ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุล ผอ.ศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ และกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สสส. กล่าวว่าจากการทำงานรณรงค์ลด ละ เลิก บุหรี่ พบว่าลดลงต่อเนื่อง เหลือ 9 ล้านคน แต่ สถานการณ์ในเยาวชนกลับน่าห่วง เพราะ เด็กอายุ 13-15 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่ม 5 เท่าใน เวลา 7 ปี ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะรูปลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้าที่เปลี่ยนไป เป็นทอยพอต และมีราคาไม่สูงมาก การจำหน่ายในออนไลน์ จึงแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่น
ดังนั้นในการป้องกันควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถทำได้ด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
- .สร้างเสริมตวามเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถการควบคุมยาสูบของประเทศ
- ป้องกันมิให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้า ธุรกิจยาสูบ
- บำบัดรักษาผู้เสพ ให้เลิกใช้ยาสูบ
- การควบคุม ตรวจสอบเฝ้าระวังและเปิดเผยรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- ทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่
ส่วนการเกณฑ์การประเมิน อปท.ปลอดบุหรี่ (LPA) ดูจาก
- กำหนดนโยบายเพื่อดำเนินงานควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและประชาสัมพันธ์ให้รับทราบ และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อมารับผิดชอบงานควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในการประเมิน
- กำหนดพื้นที่สาธารณะปลอดบุหรี่ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยาสูบ
- มีการเผยแพร่การประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ เฝ้าระวังสถานการณ์การบริโภคยาสูบ เช่นการเฝ้าระวังการฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ และตรวจเตือนร้านค้าไม่ให้จำหน่ายบุหรี่กับเด็ก
- สนับสนุนการลดละเลิกบุหรี่ โดยการคัดกรอง เชื่อมโยงข้อมูลและส่งต่อผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการเลิกไปยังสถานพยาบาล และจัดกิจกรรม อบรม สัมมนา จัดแสดงนิทรรศการให้แก่ประชาชน
“สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับพื้นที่ ประชาชนได้ประโยชน์ ลดละเลิกบุหรี่ –บุหรี่ไฟฟ้า และแง่ของการทำงานยังได้ประโยชน์ในเชิงผลงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นอปท.ขนาดใหญ่หรือเล็ก ”ผศ.ดร.ลักขณา กล่าวว่า
นางมัซตูรา ฮะ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานสาธารณสุข กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลมะรืนโปตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ในการทำงานลดละเลิกบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่ ใช้ศาสนานำในการขับเคลื่อนให้เกิดความตระหนักถึงพิษภัย และผลกระทบของควันบุหรี่ เสริมสร้างการรณงรค์ทุกระดับ ตั้งแต่โรงเรียน ชุมชน รวมถึงในศาสนสถาน (มัสยิด)ให้มีปาฐกถาพิเศษ สอดแทรกเรื่องพิษภัยของควันบุหรี่ – บุหรี่ไฟฟ้า ลงไป และนำแกนนำเยาวชนมาพัฒนาทักษะการปฎิเสธไม่สูบบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า
พร้อมกันนี้ใช้หลักการชื่นชม ยกย่อง ทั้ง ศาสนสถานที่ปลอดบุหรี่ , โรงเรียนสีขาว ,ชุมชนสีขาว ที่สามารถปฎิบัติตามข้อกำหนดทำให้พื้นที่ปลอดจากบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นจุดเริ่มต้นของยาเสพติดทุกประเภท และเลิกยากกว่ายาเสพติด จากการสำรวจประชากรในพื้นที่ต.มะรือโบตก พบว่า มีประชากรที่สูบบุหรี่ –บุหรี่ไฟฟ้า 1,402 คน ส่วนใหญ่เพศชาย อายุระหว่าง 15-24 ปี แบ่งเป็น บุหรี่ ใบจาก 254 คน ,บุหรี่ซอง 989 คน และบุหรี่ไฟฟ้า 156 คน หากไม่เร่งสกัดยับยั้งบุหรี่เกรงว่าในอนาคตสัดส่วนการสูบจะเพิ่มมากขึ้น
“เรานำเอาเรื่องบุหรี่ สอดแทรกเข้าไปใน วิถีของศาสนา โดยในการบรรยายธรรม ให้แทรกความเข้าใจถึงพิษภัยของบุหรี่ พร้อมเชิญชวนชุมชน ให้เลิกบุหรี่ในช่วงรอมฎอน ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ได้ ”นางมัซตูรา กล่าว
เสริมทัพ ปรับทิศทางการ ลด ละ เลิก บุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า นำองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วม สร้างความเข้มแข็งในระดับชุมชน หากปราบปราม และดำเนินการ อย่างจริงจัง หวังว่าจะช่วยลดตัวเลขนักสูบหน้าใหม่ลดลงแน่นอน