หนุนเดินหน้ารณรงค์ลดนักดื่ม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 


หนุนเดินหน้ารณรงค์ลดนักดื่ม thaihealth


แฟ้มภาพ


เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นอบายมุขที่ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ และยังเป็นต้นเหตุของการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร


ในการประชุมวิชาการสุราระดับชาติครั้งที่ 9 ที่ผ่านมานี้ ภายใต้หัวข้อ "สานพลังพิทักษ์สิทธิเยาวชน" จัดโดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาสุราว่า ประเทศไทยมีการรณรงค์เรื่องลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็สามารถช่วยลดการบริโภคได้ส่วนหนึ่ง แต่ที่น่าห่วงคือเด็กและเยาวชนมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้น เป็นปัญหาที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันแก้ไข ทั้งการควบคุมเรื่องของการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การมีมาตรการทั้งในส่วนของครอบครัวและตัวของเด็ก


การแก้ปัญหาต่างๆ ในเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ หรือพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงปฐมวัยคือ ตั้งอายุ 0-5 ปี เพราะทัศนคติต่างๆ ทั้งดีและไม่ดี ต้องเริ่มต้นปลูกฝังตั้งแต่ช่วงวัยนี้ เรียกว่าต้องสอนให้เด็กมีนิสัยที่ดีตั้งแต่เด็ก รู้จักฟัง มีระเบียบวินัย สนใจสิ่งแวดล้อม บังคับควบคุมตัวเองได้ ไม่ให้เขาต้องสัมผัสกับอบายมุข โดยเฉพาะพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีจึงจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้


หนุนเดินหน้ารณรงค์ลดนักดื่ม thaihealth


สอดคล้องกับ "ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล" รองผู้จัดการ สสส. ระบุว่า เด็กและเยาวชนเริ่มดื่มสุราที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ การทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยากขึ้น และไม่ถูกชักจูงให้ดื่มสุราด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมสุราด้วยมาตรการต่างๆ เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงและคุ้มทุนในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการดื่มสุรา ซึ่งมาตรการเหล่านี้ประกอบด้วยการเพิ่มภาษีและราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การจำกัดสถานที่จำหน่ายสุราในพื้นที่ที่มีเด็กและเยาวชนอยู่จำนวนมาก เช่น รอบสถานศึกษาและหอพัก การกำหนดอายุขั้นต่ำของเด็กในการซื้อและดื่มสุรา การห้ามโฆษณาและการตลาดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างเด็ดขาด


สำหรับแนวโน้มการดื่มสุราและผลกระทบในทศวรรษที่ผ่านมาว่า ความชุกผู้ดื่มใน 12 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างคงที่ ประมาณ 30.0-32.7% เมื่อวิเคราะห์แยกเพศ พบว่าความชุกในเพศชายมีแนวโน้มลดลง ส่วนเพศหญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือเพิ่ม 25% ในช่วง 10 ปี กลุ่มเยาวชน 15-24 ปี มีความชุกเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้แอลกอฮอล์ก่อให้เกิดต้นทุนทางสังคมประมาณ 9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1.08% ของ GDP โดยต้นทุนเหล่านี้กระจายอยู่ในวงกว้างทั้งต้นทุนจากการเกิดอุบัติเหตุ การรักษาโรคที่สืบเนื่องจากการดื่ม ต้นทุนจากการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร


มาตรการแก้ปัญหาที่สำคัญของไทยคือ ต้องมุ่งเน้นกลุ่มที่มีอัตราการดื่มสูงขึ้น ที่ชัดเจนที่สุดคือ เพศหญิง ตามมาด้วยกลุ่มเยาวชน การที่คนไทยเปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ต่ำลงและมีราคาถูกกว่า อาจทำให้นโยบายทางด้านภาษีที่คำนวณภาษีจากปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จึงต้องปรับหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคาขายปลีกขั้นต่ำให้สอดคล้องต้นทุนที่แท้จริงด้วย


หนุนเดินหน้ารณรงค์ลดนักดื่ม thaihealth


ขณะที่ "ผศ.ดร.ภก.สุรศักดิ์ ไชยสงค์" จากสำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ อภิปรายถึงมาตรการทางภาษี และราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยว่า มาตรการทางภาษีและราคาเป็นหนึ่งในมาตรการที่ดีที่สุด เป็นเครื่องมือทางนโยบายที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการควบคุมปริมาณการบริโภค และลดความสูญเสียที่เกิดจากปัญหาการดื่ม


"ประสิทธิผลของการลดปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย การดำเนินมาตรการทางภาษีและราคานั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่บังคับใช้กฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวสามารถดำเนินการควบคุมการบริโภคสุรานอกระบบภาษีได้ดีหรือไม่ เนื่องจากมาตรการทางภาษีและราคาส่งผลให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีราคาสูงขึ้น แต่ผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไปบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกระบบภาษีแทน เพราะไม่ได้ถูกปรับราคาให้สูงขึ้นตามไปด้วย" ผศ.ดร.ภก.สุรศักดิ์ ระบุสุราเป็นหนึ่งในปัญหาที่ต้องร่วมมือดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นระบบ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกันสร้างสังคมให้ปลอดภัย เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดจากปัญหาการดื่ม และปกป้องเด็กและเยาวชนไทยให้พ้นจากภัยสุรา

Shares:
QR Code :
QR Code