สัมผัสหัวใจคน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ผ่านการแสดงพื้นบ้าน‘กลองกะบานอ‘
ภาพความรุนแรงจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ปัตตานี ยะลานราธิวาส) คงทำให้ใครหลายคนนึกประหวั่นใจ ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าภายใต้ภาพของความขัดแย้งที่เห็นทุกวันในสื่อต่าง ๆ กลับถูกซุกซ่อนด้วยผู้คนที่มีหัวใจดีงาม และยังเป็นแหล่งสะสมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอันทรงคุณค่ามากมายที่กำลังถูกลืมเลือนหายไป
มูลนิธิสุข-แก้ว แก้วแดงเป็นองค์กรที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และมองเห็นความสำคัญของเยาวชนในพื้นที่ซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่อการนำความสันติสุขกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาเอง จึงได้ชักชวนเด็ก ๆ ในหลายหมู่บ้านเข้ามาทำกิจกรรมกับมูลนิธิ
ซึ่งนอกจากเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การจัดตั้งและการบริหารองค์กรและการเป็นผู้นำที่เสียสละรวมถึงศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อความภาคภูมิใจในบ้านเกิดแล้ว ยังจัดให้มีการเรียนรู้ด้านการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่กลายเป็นเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยพุทธและมุสลิมอย่างได้ผล ทั้งยังช่วยสืบสานศิลปวัฒนธรรมให้ส่งต่อความงดงามสู่คนรุ่นต่อไป
จากเสียงปืนและระเบิดที่ดังก้องไปทั่วพื้นที่ ก็กลับแทนที่ด้วยเสียงเพลงที่ดังมาจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านอย่าง”กลอง”ของไทยพุทธ และ”บานอ”ของชาวมุสลิม ระคนกับเสียงของความสนุกสนานจากการฝึกซ้อมการแสดงร่วมกันระหว่างเยาวชนต่างพื้นที่ใน3 จังหวัดชายแดนใต้ และเสียงดนตรีเหล่านั้นก็ยังเชิญชวนให้ผู้คนในหมู่บ้านออกมาร่วมชมความสามารถของลูกหลานตนเอง รวมถึงเยาวชนที่มาจากต่างหมู่บ้าน ซึ่งทั้งหมดจะช่วยหล่อหลอมให้เกิดความสามัคคี ความรักความเข้าใจ ลบเลือนรอยต่อของความต่างของเชื้อชาติและศาสนาให้จางหายไปทีละน้อยจนผสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน
ความสำเร็จส่วนหนึ่งในพื้นที่ยังต้องการถ่ายทอดสู่คนเมืองเพื่อให้เกิดความเข้าใจในประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมและการมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความเข้าใจแม้จะมีความต่างคณะเยาวชนและอาจารย์ที่กว่า 400 ชีวิตจึงยกขบวนมาแสดงศิลปะและวัฒนธรรมพื้นบ้านชายแดนภาคใต้ ชุด”กลองกะบานอ”ให้ชาวกรุงเทพฯได้ร่วมเข้าชมกันแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีองค์กรร่วมจัดอย่าง มูลนิธิสุข-แก้ว แก้วแดง, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.), บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน),องค์กรเยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้,สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ,ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) การรถไฟแห่งประเทศไทย ฯลฯ
ดร.รุ่ง แก้วแดงประธานมูลนิธิกล่าวว่า สถิติการเกิดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังมีสูง โดยส่วนใหญ่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมปลายและไม่ได้เรียนต่อ จึงมีความเสี่ยงที่จะไปติดยาหรือสร้างปัญหาให้กับคนในพื้นที่โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย การแก้ปัญหาคือนำเด็กมารับการอบรม 4 วัน 3 คืน และให้กลับไปหาสมาชิกอย่างน้อย 60 คน เพื่อทำให้ทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมสามารถอยู่ร่วมกันได้เช่นเดียวกับในอดีต
“เนื้อหาของการแสดงจะเสนอเรื่องราวผ่านการแสดงใน 4 ยุค ตั้งแต่ความรุ่งเรืองในอดีตจากลังกาสุกะ ถึงฟาตอนีดารุสซาลาม ยุคสิ่งดี ๆ ที่ชายแดนใต้ ยุคความไม่สงบในพื้นที่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และสุดท้ายมาถึงยุคองค์กรเยาวชนกับการนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” ดร.รุ่งกล่าวโดยถ่ายทอดการแสดงที่หาชมได้ยากยิ่งในยุคนี้ อย่าง ดิเกร์ฮูลู การแสดงที่มีเครื่องดนตรีประกอบ มีการล้อมวง ร้องเพลงโต้ตอบกัน, อนาซีด การร้องประสานเสียงที่แสนไพเราะ, ซีละ ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ใช่ว่าจะหาดูได้ง่าย ๆ, ตารีอีนา หรือมโนราห์ของชาวอิสลาม กับความสวยงามของท่าดอกไม้บาน, รองเง็ง การเต้นรำคู่ที่ในอดีตไว้ใช้แสดงเพื่อรับแขกบ้านแขกเมือง รวมถึงการแสดงที่น่าจะรู้จักกันดีอย่าง ตารีกีปัดมโนราห์ รำกริช และอื่น ๆ อีกมากมาย นับเป็นครั้งที่มีการรวมการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากภาคใต้ที่ใหญ่และครบเครื่องที่สุด
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่สนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมจัดเสวนากับเด็กกลุ่มนี้ถึงปัญหาในภาคใต้ เพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้จากปากคำเยาวชนในพื้นที่
การแสดงซ้อมใหญ่จะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ในวันที่ 1 ส.ค.2553 และซ้อมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 8 ส.ค. 2553 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจะแสดงจริงในวันที่ 9-11 ส.ค.นี้โดยจัดการแสดงวันละ 2 รอบ 14.00 น.และ 19.00 น. สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ที่เบอร์ 08-5339-8270
มากกว่าดูการแสดงที่หาชมยากและงดงาม ยังได้สัมผัสหัวใจคนชายแดนใต้ได้แบบถึงแก่น จึงเป็นการแสดงที่ไม่ควรพลาดย้ำกันอีกครั้งว่างานนี้ชมฟรี แต่หากมีจิตกุศลอยากร่วมสมทบทุน สามารถร่วมบริจาคได้ในงาน หรือที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสิโรรสเลขที่บัญชี 932-0-49612-9 ชื่อบัญชีมูลนิธิสุข-แก้ว แก้วแดง การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
update: 14-07-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ