ศูนย์เรียนรู้ฯ สสส.จัดงานสร้างแรงบันดาลใจ “ผอมได้ไม่ต้องอด”
นับว่าโรคอ้วนกำลังเป็นปัญหาของประชากรไทยในปัจจุบัน สิ่งที่น่ากังวลก็คือ โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดโรคต่างๆ ตามมา อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็ง โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนนั้นก็คือ อาหารและอุปนิสัยในการบริโภค
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมประจำเดือนกุมภาพันธ์ ผ่านเวทีเสวนา Book Talk “ผอมได้ไม่ต้องอด” โดย พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล จากภาคีเครือข่ายคนไทยไร้พุง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและ Anti-Aging Medicine โรงพยาบาลสมิติเวช ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก รวมถึงผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินที่ต้องการลดความอ้วนให้ได้ผลโดยไม่จำเป็นต้องอดอาหาร
พญ.ธิดากานต์กล่าวว่า การลดความอ้วนสามารถทำได้จากการรู้จักวิธีการเลือกที่จะรับประทานอาหารและการปรับพฤติกรรมในการกิน โดยใช้วิธีคิด วิธีอยู่แบบที่เราจะผอมได้ อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาหารที่ทานจะเน้นเรื่องของสุขภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคนอ้วนเท่านั้นที่จะนำวิธีการนี้ไปใช้ แม้ทั่วไปสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ไขมันส่วนเกินลดลงก็ได้ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงอยากเด็ดขาดก็คือ พวกของทอดและอาหารที่มีน้ำตาล หรือที่เรียกว่าอาหารที่มีแคลอรีสูง แต่คุณค่าทางอาหารต่ำ ซึ่งเราสามารถเลือกทานอาหารจำพวกแป้งเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ร่วมกับโปรตีนที่ดี (ปลา เนื้อไก่ ไข่ขาว) ควบคู่กับผักผลไม้ทุกมื้อ นอกจากจะทำให้ไม่รู้สึกโหยเหมือนวิธีการอดอาหารแล้ว ร่างกายเรายังได้รับอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ สิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักก็คือ เราต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้ โดยอาจจะเขียนเป้าหมายเป็นข้อๆ ไว้ ว่าอยากจะลดน้ำหนักเพื่ออะไร เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง รวมทั้งหมั่นศึกษาหาความรู้จากข้อมูลที่ถูกต้องเก็บเอาไว้ เมื่อใดที่รู้สึกท้อแท้จะได้นำกลับขึ้นมาดูเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง นอกจากนี้ แม้จะรู้จักเลือกอาหารที่จะรับประทานแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลยิ่งขึ้น ซึ่งควรออกกำลังกายให้ได้ 300 นาทีต่อสัปดาห์ สำหรับคนที่มีอายุมากหรือน้ำหนักตัวมากจะมีปัญหาเรื่องหัวเข่า แนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ แอโรบิกในน้ำจะดีที่สุด รองลงมาก็คือการปั่นจักรยาน แต่สำหรับผู้ที่อายุไม่มาก ไม่มีปัญหาเรื่องเข่า การวิ่งนับว่าเป็นการออกกำลังที่ง่ายที่สุด เพียงต้องมีการลงทุนในการซื้อรองเท้าผ้าใบที่ดีสักคู่ กระโดดเชือกก็เป็นอีกวิธีที่ใช้เวลาน้อย แต่เบิร์นแคลอรีเยอะ แถมช่วยเรื่องความสูงด้วย
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ วิวัฒน์วงศากุจ อายุ 36 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ผู้ที่จากเดิมเป็นโรคอ้วน เผยว่า เนื่องจากไปตรวจสุขภาพประจำปีเมื่อตอนอายุ 35 ปี พบว่ามีภาวการณ์ดื่มเยอะและทานอาหารไม่ตรงเวลา ทานเยอะในมื้อเย็น มีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนในระดับหนึ่ง ณ ตอนนั้น น้ำหนักอยู่ที่ 97 กิโลกรัม ขณะที่ส่วนสูงอยู่ที่ 175 เซนติเมตร มีความเสี่ยงต่อโรคความดันสูง เส้นเลือดโลหิตในสมองอาจแตกได้ และมีไขมันพอกตับ ประจวบเหมาะกับที่เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ได้ติดตามทวิตเตอร์ของคุณหมอธิดากานต์ จึงสนใจและศึกษาวิธีการเลือกทานอาหารจากหนังสือที่ที่คุณหมอได้รวบรวมไว้
จากวิธีที่ได้ศึกษาพบว่าเราไม่จำเป็นต้องอดอาหาร ทานทุกมื้อก็ผอมได้ 10 กิโลแรกที่น้ำหนักลดลงได้เกิดจากการเลือกทานอาหารทั้งสิ้น เพียงแค่เราเลือกทานเปลี่ยนวิธีการกิน “ไม่ทานของทอด ไม่ทานของผัด ทานแต่ของต้ม อาทิ ต้มยำ ต้มจืด ของนึ่ง แต่ทุกมื้อต้องมีข้าวกล้อง ผัก และโปรตีนดี คือ ถั่ว ปลา ไก่ไม่ติดหนัง หมุนเวียนสลับผลัดเปลี่ยนทุกมื้อ อาทิ ต้มจืด เกี๊ยวน้ำ เกาเหลา ยำวุ้นเส้น” อีก 10 กิโลต่อมาที่ลดลงได้ก็มาจากวิธีที่คุณหมอแนะนำ นั่นคือการออกกำลังกาย อาทิ การเดินเร็ว การวิ่ง ใช้ระยะเวลา 10 เดือน สามารถลดน้ำหนักจาก 97 กิโล เหลือเพียง 69 กิโล แต่ยังเป็นน้ำหนักที่ไม่พอใจ ตั้งเป้าว่าจะลดให้ได้เหลือ 65 กิโลกรัม
เทคนิคที่สำคัญที่สุดก็คือ จบมื้อเย็นให้เร็วที่สุดก่อน 6 โมงเย็นก็จะยิ่งดี โดยผลดีที่ส่งผลหลังจากน้ำหนักลดลงก็คือ ความคล่องตัวมีมากขึ้น นอนไม่กรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสุขภาพ อาการปวดหัว ความดันสูงหายไปเลย สุขภาพดีขึ้นโดยที่เราไม่ต้องทานยาสักเม็ดเดียว
จากการสอบถามความคิดเห็นจากผู้ร่วมฟังเสวนาครั้งนี้พบว่านางสาวปาริชาต นิคเรศ อายุ 31 ปี พนักงานบริษัท กล่าวว่า ต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจังจึงมาร่วมฟังเสวนา ซึ่งได้ประโยชน์เยอะ เป็นการสร้างวินัยการกินของตัวเอง รู้จักเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น โดยจะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตของเราตั้งแต่นี้
นางกิติมาและนายนรินทร์ ฐิติปุญญา คู่สามีภรรยา กล่าวว่า สนใจกิจกรรมที่จัดในวันนี้ เพราะเป็นเรื่องของสุขภาพ และได้ติดตามข่าวสารของคุณหมอทางทวิตเตอร์อยู่แล้ว จึงอยากมาเจอและร่วมฟังความรู้ ซึ่งก็ได้ประโยชน์มากในการดูแลสุขภาพ และวิธีการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์
สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถนำวิธีการดังกล่าวไปใช้ได้ ซึ่งเชื่อว่าหากได้ลองทำแล้วนอกจากสุขภาพที่ดี ยังส่งผลถึงการคิด สมาธิ การทำงานจะดีขึ้นอีกด้วย แค่รู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ มีความอดทน สร้างระเบียบวินัยของตนเอง สุขภาพดีและรูปร่างที่สมส่วนก็จะเป็นของเราอย่างที่ใครหลายคนสามารถทำได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์